สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ การบริหารจัดการคลังสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นเรื่องสำคัญอย่างมากในการทำธุรกิจ เพราะหากบริหารคลังสินค้าผิดพลาด อาจทำให้สินค้าขาดไม่พอขาย หรือสินค้าค้างสต็อกมากจนเกินไป รวมไปถึงสินค้าที่มีวันหมดอายุอาจเน่าเสียได้ ทำให้ทุนจมขาดสภาพคล่องทางการเงิน วันนี้เรามี 5 เทคนิคบริหารคลังสินค้าและการจัดการคลังสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพและระบบ Fulfillment มาบอกกัน
1. จัดการคลังสินค้าด้วยระบบ 5S
Sort – จัดสินค้าให้เป็นระเบียบ
หากมีสินค้าหลายประเภท รวมถึงมีขนาดและสีที่แตกต่างกัน ควรคัดแยกสินค้าไว้ให้เป็นหมวดหมู่ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในการจัดส่งลูกค้า รวมถึงการจัดสินค้าให้เป็นระเบียบจะรู้ด้วยว่าสินค้าใดขาด สินค้าใดเหลือเยอะ จะได้ไม่ลืมสั่งมาสต็อกเพิ่ม หรือเผลอสั่งมาสต็อกซ้ำจนเกินความจำเป็น
Set in order – จัดพื้นที่ให้เป็นระบบ
เมื่อแบ่งแยกประเภทสินค้าเป็นหมวดหมู่แล้ว ควรจัดสรรพื้นที่ให้เป็นระเบียบ มีชั้นวางสต็อกสินค้าที่แยกกัน และทำรหัสแบ่งแยกสินค้าให้ชัดเจน รวมถึงควรจัดสรรพื้นที่ภายในให้สามารถทำงานได้ ทั้งการเลือกหยิบสินค้ามาเพื่อจัดส่งให้ลูกค้าได้อย่างสะดวก และยังสามารถตรวจเช็กจำนวนสต็อกสินค้าได้อย่างง่ายดาย
Shine – พื้นที่ภายในต้องสะอาดตา
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าการจัดสต็อกสินค้าอย่างเป็นระบบ จะช่วยให้ทำงานง่ายขึ้น และลดข้อผิดพลาดในการจัดการสต็อกสินค้า รวมถึงควรทำความสะอาดพื้นที่ภายในคลังสินค้า เพื่อเพิ่มความสวยงามสะอาดตา และสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้แก่ผู้ที่ทำงานภายในพื้นที่อีกด้วย
Standardize – มีมาตรฐานในการทำงาน
สำหรับผู้ประกอบการที่ไม่มีพื้นที่จัดการคลังสินค้าเป็นของตนเอง อาจใช้บริการคลังสินค้า ที่เปิดให้เช่าพื้นที่เพื่อสต็อกสินค้าได้ แต่ควรเลือกบริการคลังสินค้าที่มีมาตรฐานในการทำงานที่ดี มีระบบระเบียบในการบริหารจัดการบุคลากรภายใน รวมถึงมีระบบรักษาความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือ ไว้ใจได้
Sustain – เอาใจใส่ในการทำงาน
นอกจากความเอาใจใส่ของตัวพนักงาน และผู้ให้บริการคลังสินค้าแล้ว ตัวผู้ประกอบการก็ควรมีความใส่ใจในการเข้ามาตรวจสอบคลังสินค้า รวมถึงตรวจเช็กสต็อกสินค้าอยู่เป็นประจำด้วย เพื่อที่จะได้มองเห็นปัญหา และหาแนวทางการแก้ไขได้อย่างเหมาะสมต่อไป
2. อุปกรณ์ในคลังสินค้าที่พร้อมใช้งานอยู่เสมอ
ในการเลือกใช้บริการคลังสินค้า ควรเลือกคลังสินค้าที่มีอุปกรณ์สำหรับใช้ภายในคลังสินค้าที่สมบูรณ์และพร้อมใช้งานอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เกิดการล่าช้าในการขนย้ายสินค้า หรือการจัดส่งสินค้าถึงมือลูกค้า รวมถึงอุปกรณ์ที่มีความพร้อมยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้แก่บุคลากรที่ทำงานภายในพื้นที่คลังอีกด้วย
3. บุคลากรในคลังสินค้ามีความพร้อมและเป็นมืออาชีพ
ผู้ให้บริการคลังสินค้า ควรจัดให้มีการฝึกอบรมและพัฒนาความพร้อมและความเป็นมืออาชีพของพนักงานในคลังสินค้าอย่างต่อเนื่อง และตัวผู้ประกอบธุรกิจที่ใช้บริการคลังสินค้า ควรเลือกผู้ให้บริการที่ให้ความสำคัญต่อการเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากร เพื่อให้การบริหารคลังสินค้ามีประสิทธิภาพ และลดความผิดพลาดได้ดียิ่งขึ้น
4. สามารถติดตามและตรวจสอบกระบวนการทำงานได้อย่างต่อเนื่อง
ผู้ประกอบการที่ใช้บริการคลังสินค้า ควรเลือกผู้ให้บริการที่สามารถติดตามและตรวจสอบกระบวนการทำงานได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อลดจุดบกพร่อง แก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว และกระตุ้นให้เกิดการทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพต่อไป
5. มีระบบ Fulfillment ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารคลังสินค้า
บริการระบบ Fulfillment คือ การให้บริการจัดการงานหลังบ้านของธุรกิจออนไลน์ ตั้งแต่การตรวจสอบสินค้า รับสินค้า เก็บสินค้าในที่ที่เหมาะสม รวมไปถึงแพ็กสินค้าอย่างถูกต้อง ช่วยให้การจัดการกับออร์เดอร์สินค้าจำนวนมากได้สะดวก เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการสต็อกสินค้า เพื่อให้สินค้าส่งถึงมือของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย
iShip มีบริการระบบ Fulfillment คลังสินค้าแบบครบวงจร พร้อมสนับสนุนให้ธุรกิจของทุกคนเติบโตอย่างยั่งยืน ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ LINE OFFICIAL : @iship หรือเบอร์โทรศัพท์ 094-413-4565