เชื่อหรือไม่ว่าการตั้งราคาสินค้าอย่างมีหลักการ ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายมากขึ้นเป็นเท่าตัว! มีวิธีการอย่างไรและเพราะอะไรนั้น เดี๋ยวโค้ชเอ็มจะมาเล่าให้ฟังกันครับ
1. ตั้งราคาให้ลงท้ายด้วยเลข 9
โดยตามหลักจิตวิทยาแล้วเนี่ย เวลาเราดูราคาสินค้า คนเรามักจะสนใจตัวเลขด้านหน้าเป็นหลักและตัวเลขต่อท้ายเป็นรอง และถ้าหากเราตั้งราคาลงท้ายด้วยเลข 9 จะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าสินค้าชิ้นนี้มีราคาไม่แพงเท่าไหร่นี่ เช่น ราคา 199 บาท ลูกค้าก็จะตีว่าราคายังไม่ถึง 200 บาทเลย ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงอีกเพียงแค่ 1 บาท ก็จะราคา 200 บาทแล้วนั่นเอง
การตั้งราคาแบบนี้จะเหมาะกับสินค้าประเภทหมดแล้วต้องรีบซื้อ หรือสินค้าที่ซื้อมาเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น สบู่ น้ำยาผงซักฟอก หรือเสื้อผ้า
2. ตั้งราคาให้ลูกค้าคำนวณได้ง่าย
เป็นเรื่องธรรมชาติที่ส่วนใหญ่มนุษย์จะถนัดในการคำนวณตัวเลขต่างๆ ที่ลงท้ายด้วยเลข 0 หรือ 5 ซึ่งรวมไปถึงราคาสินค้าด้วยเช่นกัน วิธีนี้เหมาะสำหรับสินค้าที่ต่างชนิดกันแต่สามารถซื้อรวมกันได้ในการซื้อครั้งเดียว เช่น สินค้าแฟชั่นต่างๆ ที่ขายอยู่ในร้านเดียวกัน เพราะจะทำให้ลูกค้าสามารถรวมยอดชำระในการซื้อสินค้าทั้งหมดได้ง่ายมากขึ้น และร้านค้ายังสะดวกเวลาทอนเงินให้ด้วยเช่นกันครับ
3. ตั้งราคาเป็น 3 ระดับเพื่ออัพเซลล์
‘เพิ่มเงินอีกหน่อยเพื่อให้ได้ของดีกว่า’ นี่ คือ หัวใจหลักสำหรับวิธีการตั้งราคาในข้อนี้ครับ
ในสินค้าบางประเภทที่สามารถแบ่งระดับสินค้าตามปริมาณและคุณภาพ สามารถใช้วิธีนี้ในการตั้งราคาเป็น 3 ระดับ ไม่ขาดไม่เกิน เน้นให้ราคาแตกต่างกันนิดหน่อย แต่ในความเป็นจริงแล้วทั้ง 3 ระดับนั้น ทั้งปริมาณและคุณภาพมีความแตกต่างกันกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่ก็สามารถกระตุ้นความคิดด้าน ‘ความคุ้มค่า’ ของลูกค้าออกมาได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวครับ ยกตัวอย่างที่เห็นภาพมากที่สุดก็คือ กาแฟ ที่มักจะมีการออกแบบ Option ให้เสริมวัตถุดิบต่างๆ ด้วยราคาที่เพิ่มขึ้นไม่มากนัก
4. ตั้งราคาแบบจับคู่สินค้า
วิธีนี้ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกถึงความคุ้มค่าของราคา สามารถช่วยกระตุ้นการขายได้ดีมากๆ โดยสามารถคละสินค้าหลายประเภท แต่อาจจะใช้ได้ในโหมดเดียวกันได้
ซึ่งเป็นวิธีที่หลาย ๆ แบรนด์นิยมเลือกใช้ในการโปรโมตสินค้าโดยการลดล้างสต็อก อีกทั้งยังช่วยเคลียร์สต็อกสินค้าที่ไม่เป็นที่นิยมและไม่มีคนซื้อได้อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น กลยุทธ์การจับคู่สินค้าประเภทอาหารที่เรามักพบเจอกันบ่อยๆ ในร้านสะดวกซื้อนั่นเอง
5. ตั้งราคาสินค้าแยกกับค่าขนส่ง
หลายคนคงคิดว่าการรวมราคาสินค้ากับราคาขนส่งแล้วบอกว่าขนส่งฟรี ดูเหมือนจะเป็นวิธีการที่ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุ้มค่า แต่ในความเป็นจริงแล้ว ลูกค้ามักจะมีการเปรียบเทียบราคาสินค้าแบบเดียวกันกับเจ้าอื่นก่อนตัดสินใจซื้อเสมอ
ดังนั้น หากเรารวมราคาสินค้าเข้ากับต้นทุนการขนส่งเข้าไป จะทำให้มีราคาที่สูงกว่าคู่แข่ง ส่งผลให้ลูกค้ามองว่าสินค้าของเราแพงกว่า แม้ว่าเราจะระบุเงื่อนไขว่าส่งฟรีก็ตามวิธีการนี้เหมาะสำหรับสินค้าทุกประเภทที่มีคู่แข่งขายสินค้าเหมือนกันหลายๆ เจ้าเป็นอย่างยิ่งครับ
สรุปก็คือ การตั้งราคาถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะสามารถช่วยให้เรามียอดขายและกำไรที่มากขึ้นจากกลยุทธ์การตั้งราคาในแบบต่างๆ และหากใครอยากใช้ขนส่งราคาถูกเพื่อช่วยเพิ่มกำไรจากการขายล่ะก็ อย่าลืมมาใช้บริการขนส่งผ่านระบบ iShip กันนะค้าบบ รับรองว่าได้ราคาพิเศษสุดๆ พร้อมทั้งใช้ระบบหลังบ้านได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย