เคล็ดไม่ลับ 8 ขั้นตอนการส่งผลไม้ ส่งยังไงให้ผลไม้อร่อย ถึงมือผู้รับแบบไม่ช้ำ!

ผลไม้สดๆ อร่อยๆ ส่งตรงจากสวนถึงมือลูกค้า ต้องการความใส่ใจเป็นพิเศษในการแพ็คและจัดส่ง วันนี้เรามีเคล็ดไม่ลับ 8 ขั้นตอนการส่งผลไม้มาแชร์ เพื่อให้ผลไม้ของคุณส่งถึงมือผู้รับแบบสดใหม่ น่าทาน และไม่ช้ำ มาฝากกันครับ

1. เลือกกล่องหรือตะกร้า ที่มีขนาดเหมาะสมกับประเภทและขนาดของผลไม้

การเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับการส่งผลไม้เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้ผลไม้คงความสดและไม่เสียหายระหว่างการขนส่ง การเลือกกล่องหรือตะกร้าที่เหมาะสมจะช่วยลดการกระแทกและป้องกันการช้ำของผลไม้ได้นั่นเองครับ และที่สำคัญตะกร้าต้องมีความหนาไม่น้อยกว่า 0.5 ซ.ม. ด้วยครับ

2. ห่อวัสดุกันช้ำให้ครอบคลุมทั่วผลไม้

การห่อวัสดุกันช้ำให้ครอบคลุมทั่วผลไม้ เป็นการป้องกันไม่ให้ผลไม้เกิดความเสียหายหรือช้ำระหว่างการขนส่งหรือการจัดเก็บ โดยการห่อวัสดุกันช้ำจะช่วยลดแรงกระแทกและแรงเสียดทานที่อาจเกิดขึ้นกับผลไม้ได้

3. เลือกกล่องที่มีรูช่วยระบายอากาศ คงความสดของผลไม้

การเลือกกล่องที่มีรูช่วยระบายอากาศ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สำคัญในการรักษาความสดของผลไม้ เช่น มะม่วง โดยการระบายอากาศที่เหมาะสมจะช่วยลดความชื้นและป้องกันการเกิดเชื้อรา ทำให้ผลไม้คงความสดและมีคุณภาพดีเมื่อถึงมือผู้รับ

4. ไม่แพ็กผลไม้ รวมกับสิ่งของอื่น

การไม่แพ็กผลไม้รวมกับสิ่งของอื่นเป็นหลักการที่สำคัญในการบรรจุและขนส่งผลไม้เพื่อป้องกันการเสียหายและรักษาคุณภาพของผลไม้ เนื่องจากผลไม้เป็นสินค้าที่มีความอ่อนไหวและเสียหายได้ง่าย หากมีการแพ็กผลไม้ร่วมกับสิ่งของอื่นๆ อาจเกิดการกระแทก การทับซ้อน หรือการติดเชื้อที่ส่งผลให้ผลไม้เสียหายได้

5. รองพื้นกล่องด้วยวัสดุกันกระแทก

การรองพื้นกล่องด้วยวัสดุกันกระแทกเป็นขั้นตอนสำคัญในการป้องกันความเสียหายของผลไม้ระหว่างการขนส่ง วัสดุกันกระแทกจะช่วยลดแรงกระแทกที่อาจเกิดขึ้นและป้องกันไม่ให้ผลไม้ช้ำหรือเสียหายได้นั่นเองครับ

6. แพ็กผลไม้ลงกล่องแบบไม่ให้มีช่องว่าง

การแพ็กผลไม้ลงกล่องแบบไม่ให้มีช่องว่างเป็นวิธีที่ดีในการป้องกันผลไม้จากการเคลื่อนที่ภายในกล่องซึ่งอาจทำให้เกิดการช้ำหรือเสียหาย อีกทั้งการแพ็กแบบนี้จะช่วยให้ผลไม้คงสภาพดีและคงความสดได้นานขึ้นด้วยเช่นกันครับ

7. ตรวจสอบความเรียบร้อยของกล่อง พร้อมปิดเทปให้แน่นหนาเป็นรูปตัว H

การปิดกล่องบรรจุภัณฑ์ด้วยเทปให้แน่นหนาเป็นรูปตัว H เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการเปิดของกล่องในระหว่างการขนส่ง และอย่าลืมลองทดสอบความหนาแน่นของกล่องด้วยกันเขย่า 2-3 ครั้ง วิธีนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่ากล่องจะถูกปิดอย่างแน่นหนาและปลอดภัย ทำให้ผลไม้ภายในกล่องไม่กระเด็นหลุดออกมาระหว่างการขนส่งได้นั่นเองครับ

8. ตรวจสอบรายละเอียดการส่งบนในปะหน้าให้ชัดเจน

การระบุรายละเอียดบนในปะหน้า (Label) ให้ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญในการจัดส่งผลไม้เพื่อให้แน่ใจว่าผลไม้ถึงปลายทางอย่างปลอดภัยและรวดเร็ว การติดฉลากที่ชัดเจนและครบถ้วนช่วยให้ผู้ขนส่งสามารถจัดการและจัดส่งพัสดุได้อย่างมีประสิทธิภาพ และถ้าเป็นไปได้ควรระบุข้อมูลเกี่ยวกับผลไม้ ประเภทของผลไม้ (เช่น มะม่วง, ลำไย) จำนวนหรือปริมาณ (เช่น กี่กิโลกรัม หรือจำนวนลูก) และวันที่บรรจุ รวมไปถึงระบุคำแนะนำพิเศษเกี่ยวกับการจัดการผลไม้ เช่น “จัดการด้วยความระมัดระวัง” หรือ “เก็บในที่เย็น” ใช้สัญลักษณ์หรือคำเตือนที่เป็นที่ยอมรับทั่วไป เช่น รูปถ้วยแตก (Fragile) หรือสัญลักษณ์สำหรับสินค้าที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษด้วยครับ

Tips:

    • สำหรับผลไม้บางชนิด เช่น ทุเรียน มังคุด ควรใส่ถุงพลาสติกหรือถุงกระดาษทับอีกชั้น เพื่อป้องกันกลิ่น
    • หากส่งผลไม้ในช่วงฤดูร้อน ควรใส่แผ่นเจลเย็นหรือน้ำแข็งแห้งเพื่อรักษาความสดของผลไม้
    • ผลไม้บางชนิด เช่น กล้วย มะละกอ ไม่ควรห่อด้วยกระดาษทิชชู่หรือบับเบิ้ล เพราะอาจทำให้ผลไม้เสีย
    • ใส่ซองดูดความชื้นในกล่อง เพื่อป้องกันผลไม้เน่าเสีย
    • แช่ผลไม้บางชนิด เช่น มะม่วง ลำไย ในน้ำเย็นก่อนส่งประมาณ 30 นาที

ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การขนส่งผลไม้เป็นไปอย่างปลอดภัยและมีคุณภาพ หากลองทำตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้ผลไม้ที่ส่งถึงมือผู้รับคงความอร่อย สด และไม่ช้ำ ทำให้ผู้รับได้รับประสบการณ์ที่ดีในการรับผลไม้ได้อย่างแน่นอนครับ และถ้าหากกำลังมองหาวิธีการส่งผลไม้ที่ปลอดภัยพร้อมราคาถูกๆ สามารถส่งผลไม้ผ่านระบบ iShip ได้แล้ววันนี้โดยเลือกใช้ขนส่ง Flash Live ผลไม้ เริ่มต้นเพียงกิโลกรัมละ 43 บาทเท่านั้น สนใจอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ต้อนรับฤดูกาลแห่งผลไม้กับโปรโมชั่น Flash Live ผลไม้ ส่งผลไม้ทั่วไทยราคาย่อมเยาผ่านระบบ iShip ได้แล้ววันนี้!! หรือสอบเพิ่มเติมได้ที่เพจ Facebook IShip ระบบจัดการรวมขนส่งออนไลน์ ได้ทุกวันตั้งแต่ 08.00 – 22.00 น.

SHARE