
การทำ Cross-Sell ร่วมกับร้านค้าอื่น ๆ เป็นกลยุทธ์ที่พ่อค้าแม่ค้า ขายของออนไลน์ หลายคนมองข้ามไปครับ ทั้ง ๆ ที่มันคือขุมทรัพย์ที่ช่วยเพิ่มยอดขายของออนไลน์ ได้อย่างมหาศาล แถมยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพันธมิตรทางธุรกิจอีกด้วย วันนี้เราจะมาเจาะลึกหลักการทำ โปรโมชัน แบบ Cross-Sell ที่จะทำให้คุณ และพาร์ทเนอร์ “วิน-วิน” ทั้งคู่ ไปดูกันเลยครับ!
ทำไมต้อง Cross-Sell? ประโยชน์ที่มากกว่าแค่ยอดขาย
คุณเคยสงสัยไหมครับว่า ทำไมร้านใหญ่ ๆ ถึงชอบจับมือกันออกโปรโมชัน? นั่นเป็นเพราะการทำ Cross-Sell ไม่ได้มีแค่เรื่องยอดขายที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์อีกหลายอย่างเลยครับ
-
- ขยายฐานลูกค้าใหม่: ลองนึกภาพดูสิครับว่า ถ้าคุณขายเสื้อผ้า และไปจับมือกับร้านขายเครื่องประดับ ลูกค้าของเขาที่ไม่เคยรู้จักร้านคุณ ก็มีโอกาสเห็นสินค้าของคุณมากขึ้น นี่คือการเปิดประตูสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ โดยไม่ต้องลงทุนกับการตลาดเองเลยครับ
- เพิ่มยอดขายต่อออเดอร์ (Average Order Value): ลูกค้าที่ซื้อสินค้าจากร้านคุณ อาจจะสนใจสินค้าจากร้านพาร์ทเนอร์ในเวลาเดียวกัน ทำให้เกิดการซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นในคราวเดียว ซึ่งเป็นเรื่องดีต่อยอดขายโดยรวมของทั้งสองฝ่ายครับ
- สร้างความน่าเชื่อถือ: การที่ร้านค้าที่มีชื่อเสียง หรือ มีกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจน มาร่วมทำ โปรโมชัน กับคุณ จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับร้านของคุณได้เป็นอย่างดีครับ
- ลดต้นทุนการตลาด: แทนที่จะทุ่มงบไปกับการยิงแอด หรือ ทำ โปรโมชัน คนเดียว การแบ่งเบาภาระกับพาร์ทเนอร์จะช่วยลดต้นทุนในภาพรวมได้เยอะเลยครับ
หัวใจสำคัญของ Cross-Sell แบบ Win-Win: “เขาได้อะไร เราได้อะไร”
ก่อนจะเริ่มต้นทำ โปรโมชัน หรือ Cross-Sell ใด ๆ สิ่งแรกที่คุณต้องคิดคือ “เราจะให้อะไรเขา และเขาจะให้อะไรเรา” ครับ หลักการง่าย ๆ ที่จะทำให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน มีดังนี้ครับ
1. มองหาพาร์ทเนอร์ที่ “เติมเต็ม” ซึ่งกันและกัน การเลือกพาร์ทเนอร์สำคัญมากครับ ไม่ใช่แค่ใครก็ได้ที่คุณรู้จัก ลองมองหาร้านค้าที่สินค้าของเขา “เข้ากัน” กับสินค้าของคุณ หรือ เป็นสินค้าที่ “ต่อเนื่อง” กันครับ
-
- ตัวอย่างที่ 1: สินค้าที่ใช้ร่วมกันได้: ถ้าคุณ ขายของออนไลน์ ประเภทสกินแคร์ ลองจับมือกับร้านที่ขายเครื่องสำอาง หรือ ร้านที่ขายอุปกรณ์เสริมความงามสิครับ ลูกค้าที่ซื้อสกินแคร์ก็มักจะแต่งหน้า และต้องการอุปกรณ์ดี ๆ อยู่แล้วใช่ไหมครับ?
- ตัวอย่างที่ 2: สินค้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เดียวกัน: ถ้าคุณขายเสื้อผ้าแนวสตรีท ก็อาจจะไปจับมือกับร้านขายรองเท้าสนีกเกอร์ หรือ ร้านหมวกแนวเดียวกันครับ ลูกค้ากลุ่มเดียวกันก็จะวนเวียนอยู่ใน Ecosystem นี้ครับ
- ตัวอย่างที่ 3: บริการที่เสริมกัน: ถ้าคุณเป็นโค้ชสอนออกกำลังกาย อาจจะจับมือกับร้านขายอาหารคลีน หรือ ร้านขายอุปกรณ์กีฬาครับ การรวมกันแบบนี้จะตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างครบวงจรครับ
2. สร้างข้อเสนอที่ “ดึงดูด” และ “ยุติธรรม” เมื่อได้พาร์ทเนอร์แล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการออกแบบ โปรโมชัน หรือ ข้อเสนอที่น่าสนใจ และต้องมั่นใจว่าทุกฝ่ายได้รับผลประโยชน์อย่างยุติธรรมครับ
-
- ส่วนลดพิเศษเมื่อซื้อคู่: นี่คือรูปแบบคลาสสิกที่ได้ผลเสมอครับ เช่น “ซื้อเสื้อจากร้าน A คู่กับกางเกงจากร้าน B รับส่วนลดเพิ่ม 10%” หรือ “เมื่อซื้อสินค้าจากร้านเราครบ 500 บาท รับส่วนลด 50 บาท สำหรับซื้อสินค้าจากร้านพันธมิตร”
- ของแถม หรือ Voucher ข้ามร้าน: แทนที่จะให้ส่วนลดตรง ๆ อาจจะให้เป็น Voucher หรือคูปองสำหรับนำไปแลกส่วนลด หรือ ของแถมจากร้านพาร์ทเนอร์ครับ วิธีนี้จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าไปเยี่ยมชมร้านอีกฝ่ายด้วย
- แพ็คเกจ Bundle: สร้างแพ็คเกจสินค้าที่รวมสินค้าของคุณกับสินค้าของพาร์ทเนอร์เข้าด้วยกัน แล้วตั้งราคาที่พิเศษกว่าการซื้อแยกชิ้นครับ เช่น “แพ็คเกจดูแลผิวหน้าใส: ครีมบำรุงจากร้านเรา + มาส์กหน้าจากร้านพันธมิตร”
3. โปรโมทอย่าง “เข้าถึง” และ “น่าสนใจ” โปรโมชัน หรือ Cross-Sell ที่ดี จะไม่มีประโยชน์เลย ถ้าลูกค้าไม่รู้ การสื่อสารที่ชัดเจน และน่าสนใจจึงเป็นสิ่งสำคัญครับ
-
- ช่องทางที่หลากหลาย: ใช้ทุกช่องทางที่คุณมีครับ ไม่ว่าจะเป็นหน้าเว็บไซต์ของคุณ, โซเชียลมีเดีย (Facebook, Instagram, TikTok), LINE Official Account หรือ แม้กระทั่งอีเมล
- รูปภาพ และข้อความที่ดึงดูด: สร้างสรรค์ภาพโปรโมทที่สวยงาม และข้อความที่ชัดเจน บอกว่าลูกค้าจะได้อะไร และต้องทำอย่างไรเพื่อรับสิทธิ์
- โปรโมทร่วมกัน: ร้านค้าทั้งสองฝ่ายต้องช่วยกันโปรโมท โปรโมชัน นี้ครับ ยิ่งโปรโมทมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีคนเห็นมากเท่านั้น
4. วัดผล และปรับปรุง “อย่างต่อเนื่อง” หลังจากดำเนิน โปรโมชัน ไปสักระยะ สิ่งสำคัญคือการเก็บข้อมูล และวัดผลครับ
-
- ยอดขายที่เพิ่มขึ้น: ดูว่าหลังจากทำ Cross-Sell แล้ว ยอดขายของทั้งสองฝ่ายเพิ่มขึ้นอย่างไร
- จำนวนลูกค้าใหม่: มีลูกค้าใหม่ ๆ เข้ามาจากช่องทางของพาร์ทเนอร์มากน้อยแค่ไหน
- ฟีดแบ็คจากลูกค้า: สอบถามความคิดเห็นจากลูกค้าเกี่ยวกับ โปรโมชัน นี้ เพื่อนำมาปรับปรุงในครั้งต่อไปครับ
การทำ Cross-Sell ไม่ใช่แค่การหาทางเพิ่มยอดขายของออนไลน์ เพียงชั่วคราวครับ แต่มันคือการสร้างความสัมพันธ์ และเครือข่ายทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในระยะยาว การที่คุณกล้าที่จะก้าวออกไปจับมือกับร้านค้าอื่น ๆ จะเป็นการเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจของคุณอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนครับ ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จกับการทำ โปรโมชัน และ Cross-Sell นะครับ!
มีคำถามอะไรเพิ่มเติม หรือ อยากแบ่งปันประสบการณ์ ขายของออนไลน์ เกี่ยวกับการทำ Cross-Sell ไหมครับ? ยินดีรับฟังเสมอครับ!
แต่ถ้าหากอยากฟีเจอร์ระบบหลังบ้านกว่า 100 ฟีเจอร์ ที่สามารถช่วยในการขายของออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งมีบริการขนส่งในราคาพิเศษ ถูกกว่าไปส่งเองที่หน้าร้าน และยังสามารถเรียกรถเข้ารับฟรีได้ถึงหน้าบ้าน ต้องมาใช้งานระบบ iShip แถมระบบยังใช้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายรายเดือน! สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line: @iShip หรือ เพจ Facebook IShip ระบบจัดการรวมขนส่งออนไลน์ ได้ทุกวันตั้งแต่ 08.00 – 22.00 น. ครับผม