จาก “ฟีดแบ็ก” สู่ “นวัตกรรม” ใช้เสียงลูกค้าสร้างสินค้าใหม่ให้ปัง!

เคยสงสัยกันไหมครับว่า “ฟีดแบ็ก” จากลูกค้าที่เราได้รับอยู่ทุกวัน ๆ มันมีพลังมากกว่าแค่คำติชมธรรมดา ๆ หรือเปล่า? คำตอบ คือ “ใช่” อย่างแน่นอนครับ ฟีดแบ็กเหล่านี้เปรียบเสมือนขุมทรัพย์ล้ำค่า ที่จะช่วยให้เราสร้างสรรค์ “นวัตกรรม” หรือ “สินค้าใหม่” ให้ตอบโจทย์ลูกค้า และปังกว่าเดิมได้ บทความนี้จะพาทุกคน โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ไปเจาะลึกถึงวิธีการใช้เสียงของลูกค้า เพื่อสร้าง “สินค้าใหม่” ที่ไม่ใช่แค่ขายได้ แต่ขายดีจนต้องร้องว้าวเลยครับ

ทำไมต้องสนใจ “ฟีดแบ็ก” ของลูกค้า?

เรามาทำความเข้าใจกันก่อนครับว่าทำไมฟีดแบ็กถึงสำคัญมาก เพราะถ้ามองให้ลึกซึ้งแล้วฟีดแบ็กไม่ใช่แค่ข้อมูล แต่คือ “ความต้องการ” ของลูกค้าที่แท้จริง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าลูกค้าบอกว่า “อยากให้แพ็กของมาดีกว่านี้หน่อย กล่องบุบง่ายจัง” นั่นไม่ใช่แค่คำบ่นครับ แต่มันคือ โอกาสให้เราพัฒนา แพ็กเกจจิงใหม่ที่แข็งแรงขึ้น ซึ่งตรงนี้แหละครับที่เป็นจุดเริ่มต้นของนวัตกรรมเล็ก ๆ ที่สามารถสร้างความประทับใจ และทำให้สินค้าของเราโดดเด่นกว่าคู่แข่งได้

เปลี่ยน “ฟีดแบ็ก” ให้เป็น “นวัตกรรม” ด้วย 3 ขั้นตอนง่าย ๆ

มาถึงขั้นตอนที่นำไปใช้ได้จริงกันบ้างครับ ผมจะแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้กับการขายออนไลน์ของตัวเองได้เลยครับ

1. ฟัง และรวบรวม: ขุดหาขุมทรัพย์จากทุกช่องทาง

สิ่งแรกที่ต้องทำคือการฟังครับ ไม่ใช่แค่การอ่าน แต่เป็นการทำความเข้าใจ “ฟีดแบ็ก” ที่ได้รับจากลูกค้าอย่างจริงจังครับ ลองดูว่า “ฟีดแบ็ก” ที่เข้ามาบ่อย ๆ คือ เรื่องอะไร เช่น มีลูกค้าพูดถึงการใช้งานสินค้าของเราแบบไหนบ้าง? สินค้าตัวไหนที่ลูกค้าอยากให้ปรับปรุง? รวบรวมข้อมูลเหล่านี้จากทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น

    • คอมเมนต์บนโพสต์ และรีวิวในช่องทางต่าง ๆ
    • แช็ตส่วนตัว ที่ลูกค้าทักมาสอบถาม หรือให้คำแนะนำ
    • การสนทนา กับลูกค้าโดยตรง

ยิ่งเรามีข้อมูลมากเท่าไหร่ โอกาสที่เราจะเจอ “Pain Point” หรือปัญหาของลูกค้าก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้นครับ และนั่นแหละครับ คือ จุดเริ่มต้นที่ดีของ นวัตกรรม และสินค้าใหม่ของเรา

2. วิเคราะห์ และจัดลำดับ: แยกแยะความต้องการที่แท้จริง

เมื่อเราได้ข้อมูลมาแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ การวิเคราะห์ครับ ลองจัดกลุ่มฟีดแบ็กที่ได้รับมาดูว่าอะไรคือเรื่องที่ลูกค้าให้ความสนใจมากที่สุด หรือเป็นปัญหาที่เจอร่วมกันบ่อย ๆ เช่น ถ้ามีลูกค้าหลายคนบ่นว่า “อยากให้มีสีอื่น ๆ เพิ่มเติม” หรือ “สินค้าใช้งานยากไปหน่อย” ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราเห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า “นวัตกรรม” หรือ “สินค้าใหม่” ที่เราควรพัฒนาคืออะไร

ตัวอย่างเช่น ถ้าเราขายเคสโทรศัพท์ และลูกค้าส่วนใหญ่บอกว่าเคสที่เราขาย “สวย แต่กันกระแทกไม่ดีเลย” นี่คือ “โอกาสทอง” ครับ ที่เราจะสร้าง “สินค้าใหม่” อย่างเคสรุ่นพรีเมียมที่เน้นคุณสมบัติกันกระแทกโดยเฉพาะ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้โดยตรง

3. ลงมือสร้าง และทดสอบ: จากไอเดียสู่ “สินค้าใหม่” ที่ใช่

เมื่อได้ไอเดียจากฟีดแบ็กมาแล้วก็ถึงเวลาลงมือทำครับ ลองสร้างสินค้าตัวอย่าง หรือพัฒนานวัตกรรมนั้นขึ้นมา แล้วทดสอบกับลูกค้ากลุ่มเล็ก ๆ ดูก่อนครับ อาจจะใช้วิธีส่งให้ลูกค้าประจำได้ลองใช้แล้วขอฟีดแบ็กเพิ่มเติมอีกครั้ง เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์ที่สุดก่อนจะเปิดตัวจริง ๆ

การทำแบบนี้จะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าสินค้าใหม่ที่จะออกสู่ตลาดนั้น จะเป็นที่ต้องการของลูกค้าจริง ๆ ไม่ใช่แค่การเดาเอาเองครับ และนี่ก็เป็นเคล็ดลับที่ทำให้เราสามารถเปลี่ยนเสียงของลูกค้าให้กลายเป็นสินค้าใหม่ที่ปังได้อย่างแท้จริง

การใช้ “ฟีดแบ็ก” ของลูกค้าเป็นเครื่องมือในการสร้าง “นวัตกรรม” และ “สินค้าใหม่” เป็นสิ่งสำคัญที่นักขายออนไลน์ทุกคนไม่ควรมองข้ามครับ เพราะเสียงของลูกค้า คือ “คำแนะนำที่ดีที่สุด” ที่จะช่วยให้ธุรกิจของเราเติบโตอย่างยั่งยืนได้ในระยะยาวครับ เริ่มต้นจากการฟังแล้วคุณจะพบว่าขุมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่อยู่ใกล้ตัวเราแค่เอื้อมเองครับ

แต่ถ้าหากอยากฟีเจอร์ระบบหลังบ้านกว่า 100 ฟีเจอร์ ที่สามารถช่วยในการขายของออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งมีบริการขนส่งในราคาพิเศษ ถูกกว่าไปส่งเองที่หน้าร้าน และยังสามารถเรียกรถเข้ารับฟรีได้ถึงหน้าบ้าน ต้องมาใช้งานระบบ iShip แถมระบบยังใช้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายรายเดือน! สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line: @iShip หรือเพจ Facebook IShip ระบบจัดการรวมขนส่งออนไลน์ ได้ทุกวันตั้งแต่ 08.00 – 22.00 น. ครับผม

SHARE