
ในยุคที่ลูกค้าคาดหวังบริการรวดเร็วแบบ Same Day หรือ อย่างช้า Next Day การจัดส่งสินค้าช้าเพียงวันเดียวอาจทำให้ร้านของคุณโดนรีวิวลบ หรือ เสียลูกค้าไปตลอดกาลได้เลย! แล้วแม่ค้าออนไลน์ยุคใหม่ควรทำอย่างไร? วันนี้เรามีเทคนิคการจัดการขนส่งอย่างมือโปรมาฝาก เพื่อให้คุณขายของได้อย่างมั่นใจไม่ต้องกลัวโดนลูกค้าบ่นว่า “ทำไมของยังไม่ถึง!”
1. วางระบบจัดส่งให้ชัดเจนตั้งแต่ต้น
เริ่มต้นที่พื้นฐานเลย คือ “ร้านค้าต้องมีระบบจัดส่งที่เป็นมาตรฐาน” เช่น
- สินค้าที่สั่งก่อนกี่โมง จะส่งวันไหน
- มีรอบตัดรอบส่งทุกวันกี่โมง
- มีขนส่งอะไรให้เลือกบ้าง
Tip: แจ้งข้อมูลเหล่านี้ไว้ชัดเจนในหน้าเพจ / เว็บไซต์ / ช่องแชทลูกค้า จะช่วยลดปัญหาลูกค้าถามซ้ำ หรือ เข้าใจคลาดเคลื่อนได้มากเลยค่ะ
2. ใช้ระบบเรียกรถเข้ารับพัสดุถึงหน้าบ้าน
แม่ค้าหลายคนเสียเวลาวิ่งไปส่งของเองทุกวัน ทั้งที่ตอนนี้มีบริการขนส่งที่ สามารถเรียกรถเข้ารับพัสดุถึงบ้านได้แบบฟรีๆ เช่น
- Flash Express
- Best Express
- KEX Express
- DHL Express
- SPX Express
- ไปรษณีย์ไทย (บางพื้นที่)
แนะนำให้ลองใช้ระบบที่รวมหลายขนส่งไว้ในที่เดียว เช่น ระบบ iShip ที่ให้เรียกรถเข้ารับจากหลายขนส่งผ่านระบบเดียวกัน ฟรี! ไม่มีค่าสมัคร และไม่ต้องเสียเวลาไปสมัครกับแต่ละเจ้าด้วยตนเองให้วุ่นวายอีกด้วย
3. ใช้ระบบพิมพ์ใบปะหน้าอัตโนมัติ
อย่ามัวเขียนชื่อที่อยู่ลงกล่องด้วยมือ! เพราะนอกจากจะช้าแล้ว ยังเสี่ยงพิมพ์ผิดด้วย แนะนำให้ใช้ระบบพิมพ์ใบปะหน้าพัสดุแบบอัตโนมัติ ซึ่งสามารถ
- ดึงชื่อที่อยู่จากออเดอร์
- เลือกขนส่งได้เลย
- ปริ้นต์ใบปะหน้าออกมาพร้อมแปะได้ทันที
มีเวลาว่างเพิ่มขึ้น = ส่งของเร็วขึ้น = ลูกค้าประทับใจ!
4. แจ้งเลขพัสดุเร็ว ลูกค้าอุ่นใจไว
หลังจัดส่งเสร็จแล้ว อย่าลืมส่ง Tracking Number (เลขพัสดุ) ให้ลูกค้าทันที เพื่อให้ลูกค้ารู้ว่าของได้ถูกส่งแล้ว และสามารถติดตามสถานะเองได้ จะช่วยลดคำถามจำพวก “ส่งของยังคะ” ได้เป็นอย่างดี
ถ้าคุณใช้ระบบที่มีการอัปเดตสถานะอัตโนมัติ เช่น ระบบ iShip หรือ ระบบจัดการร้านค้าต่างๆ ก็จะช่วยประหยัดเวลาได้อีกขั้น
5. รู้ Cut-off Time ของแต่ละขนส่ง
แม่ค้าออนไลน์ต้องรู้ว่าแต่ละขนส่งมีเวลาตัดรอบกี่โมง เพราะถ้าส่งไม่ทันรอบ ตำแหน่ง “พรุ่งนี้ถึง” อาจกลายเป็น “อีกสองวันถึง” ได้ทันที เช่น
- Flash Express – รับก่อน 14:00 น. ถึงวันถัดไป
- DHL – รับก่อน 12:00 น. ถึงเร็วภายในวันถัดไป
- KEX – ตัดรอบไว ควรส่งก่อนเที่ยง
ถ้ารู้รอบชัดเจน จะสามารถบริหารเวลาทำงาน และแจ้งลูกค้าได้ตรงเป๊ะ
6. สื่อสารกับลูกค้าอย่างมืออาชีพ
ถึงจะส่งไวแค่ไหน แต่ถ้าไม่สื่อสารให้ลูกค้ารู้ ก็อาจเกิดความเข้าใจผิดได้อยู่ดี เพราะฉะนั้น
- แจ้งลูกค้าทุกครั้งเมื่อจัดส่ง
- บอกสถานะพัสดุแบบสุภาพ และชัดเจน
- มีปัญหาเรื่องพัสดุ ล่าช้า หรือ สูญหาย ต้องรีบติดต่อลูกค้า และประสานงานกับขนส่งทันที
ในยุคที่ลูกค้าใจร้อน และตลาดแข่งขันสูง “ความไวในการจัดส่ง” คือหัวใจของการขายของออนไลน์ การเลือกใช้เครื่องมือที่ช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้น เช่น ระบบจัดส่งอัตโนมัติ เรียกรถเข้ารับ หรือ พิมพ์ใบปะหน้าแบบไม่ต้องเขียนมือ จะช่วยให้ร้านของคุณดูโปร และส่งของทันใจลูกค้าทุกคน ทุกวินาทีมีค่า อย่าปล่อยให้การจัดส่งช้า มาทำให้คุณเสียลูกค้าไปอย่างน่าเสียดาย!
แต่ถ้าหากอยากฟีเจอร์ระบบหลังบ้านกว่า 100 ฟีเจอร์ ที่สามารถช่วยในการขายของออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งมีบริการขนส่งในราคาพิเศษ ถูกกว่าไปส่งเองที่หน้าร้าน และยังสามารถเรียกรถเข้ารับฟรีได้ถึงหน้าบ้าน ต้องมาใช้งานระบบ iShip แถมระบบยังใช้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายรายเดือน! สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line: @iShip หรือ เพจ Facebook IShip ระบบจัดการรวมขนส่งออนไลน์ ได้ทุกวันตั้งแต่ 08.00 – 22.00 น. ครับผม