สรุปยอดขายรายวันยังไงให้รู้ว่าวันนี้ “กำไร” หรือ “ขาดทุน” แบบง่ายๆ ไม่ต้องเวียนหัว

ไหนใครเคยเป็นบ้างที่สิ้นวันแล้วนั่งกุมขมับ ไม่รู้ว่าวันนี้สรุปแล้วเราได้กำไร หรือ ขาดทุนกันแน่? บางทีตัวเลขยอดขายก็ดูเยอะดี แต่พอรวมค่าใช้จ่ายต่างๆ เข้าไปแล้วกลับไม่เหลืออะไรเลย… หรือ บางทีอาจจะติดลบด้วยซ้ำ! ปัญหาเหล่านี้ถือเป็นเรื่องปกติที่คน ขายของออนไลน์ ต้องเจอครับ แต่ไม่ต้องกังวลไปครับ เพราะวันนี้ผมมีวิธี สรุปยอดขาย รายวันแบบง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณรู้สถานะธุรกิจตัวเองได้อย่างชัดเจน พร้อมแนะนำตัวช่วยดีๆ ที่จะทำให้การ สรุปยอดขาย ของคุณง่ายขึ้นอีกเยอะ โดยไม่ต้องปวดหัวเลยครับ

ทำไมต้องรู้ว่ากำไร หรือ ขาดทุน?

การรู้ว่าธุรกิจของเรากำไร หรือ ขาดทุนในแต่ละวันนั้นสำคัญมากๆ ครับ ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลขเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้นอีกด้วย เช่น ถ้ารู้ว่าวันนี้ขาดทุน ก็จะได้หาสาเหตุว่าเกิดจากอะไร จะได้ปรับกลยุทธ์ได้ทัน หรือ ถ้าได้กำไรก็จะได้รู้ว่าอะไรคือ สิ่งที่เราทำได้ดี และต่อยอดได้ครับ การ สรุปยอดขาย ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอย่างที่คิดครับ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับคน ขายของออนไลน์ ทุกคนเลย

3 ขั้นตอนง่ายๆ ในการ สรุปยอดขาย รายวัน

มาดูวิธี สรุปยอดขาย รายวันที่ทำตามได้ง่ายๆ กันเลยครับ รับรองว่าใครๆ ก็ทำได้ ไม่ต้องมีความรู้เรื่องบัญชีก็เข้าใจได้ทันทีครับ

1. บันทึก “รายรับ” ทั้งหมด

ขั้นแรกคือ การรวบรวมรายรับทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ครับ รายรับหลักๆ ของคน ขายของออนไลน์ ก็คือ ยอดขายสินค้าใช่ไหมครับ แต่บางคนอาจมีรายรับอื่นๆ ด้วย เช่น ค่าส่งที่เก็บจากลูกค้า หรือ รายได้จากการรับพรีออเดอร์ต่างๆ

    • ยอดขายสินค้า: อันนี้ชัดเจนอยู่แล้วครับว่าวันนี้ขายสินค้าไปได้เท่าไหร่
    • ค่าจัดส่งที่เก็บจากลูกค้า: ถ้าคุณคิดค่าส่งแยกจากราคาสินค้า ให้บันทึกส่วนนี้เป็นรายรับด้วยนะครับ เพราะเราจะเอาไปหักกับค่าจัดส่งจริงในส่วนของรายจ่าย
    • รายรับอื่นๆ: หากมีรายรับอื่นใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการ ขายของออนไลน์ ของคุณ ก็บันทึกไว้ให้ครบถ้วนครับ

ลองคิดง่ายๆ ครับว่าวันนี้เงินเข้ากระเป๋าเราจากช่องทางไหนบ้าง นั่นคือ รายรับ ครับ การทำความเข้าใจรายรับทั้งหมดช่วยให้คุณ สรุปยอดขาย ได้อย่างแม่นยำขึ้นครับ

2. บันทึก “รายจ่าย” ทั้งหมด

นี่คือส่วนที่สำคัญที่สุด และคนส่วนใหญ่มักจะมองข้ามครับ การบันทึกรายจ่ายให้ครบถ้วนจะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมที่แท้จริงว่าธุรกิจของคุณมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างในแต่ละวัน โดยเฉพาะคน ขายของออนไลน์ ที่มีค่าใช้จ่ายยิบย่อยเยอะครับ

    • ต้นทุนสินค้า: นี่คือค่าใช้จ่ายหลักครับ คือ ราคาที่คุณซื้อสินค้ามาเพื่อขาย อาจเป็นราคาต่อชิ้น หรือ ราคารวมของสินค้าทั้งหมดที่ขายได้ในวันนี้
    • ค่าจัดส่งจริง: อันนี้คือ ค่าส่งที่คุณจ่ายให้บริษัทขนส่งจริงๆ ครับ (ถ้าเมื่อกี้คุณบันทึกค่าส่งที่เก็บจากลูกค้าเป็นรายรับ ก็เอามาหักกับส่วนนี้ครับ)
    • ค่าโฆษณา/โปรโมท: ถ้าคุณยิงแอด หรือ เสียค่าโปรโมทสินค้าในวันนี้ ก็บันทึกส่วนนี้ไว้ด้วยครับ
    • ค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์ม: ถ้าคุณขายผ่าน Shopee, Lazada หรือ แพลตฟอร์มอื่นๆ ก็จะมีค่าธรรมเนียมการขาย ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมต่างๆ อย่าลืมรวมส่วนนี้เข้าไปด้วยครับ
    • ค่าแพ็คสินค้า: ค่ากล่อง, ค่าบับเบิ้ล, ค่าเทป, ค่ากระดาษ หรือ อุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้ในการแพ็คสินค้า
    • ค่าใช้จ่ายอื่นๆ: ค่าเดินทางไปส่งของ, ค่าน้ำ ค่าไฟ (ถ้าใช้ที่บ้านเป็นที่ทำงาน), ค่าบริการอินเทอร์เน็ต, หรือ ค่าใช้จ่ายยิบย่อยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการ ขายของออนไลน์ ของคุณ

การบันทึกรายจ่ายอย่างละเอียดเป็นหัวใจสำคัญของการ สรุปยอดขาย และการจัดการการเงินครับ

3. คำนวณ “กำไร” หรือ “ขาดทุน”

มาถึงขั้นตอนสุดท้ายที่ทุกคนรอคอยครับ หลังจากที่เราบันทึกรายรับ และรายจ่ายทั้งหมดแล้ว เราจะนำมาคำนวณเพื่อดูว่าวันนี้เรากำไร หรือ ขาดทุนกันแน่ครับ

สูตร:

กำไร (หรือ ขาดทุน) = รายรับทั้งหมด – รายจ่ายทั้งหมด

ตัวอย่าง:

สมมติว่าวันนี้คุณ ขายของออนไลน์ ได้ดังนี้:

    • รายรับ:
      • ยอดขายสินค้า: 3,000 บาท
      • ค่าส่งที่เก็บจากลูกค้า: 100 บาท
      • รวมรายรับทั้งหมด = 3,100 บาท
    • รายจ่าย:
      • ต้นทุนสินค้า: 1,500 บาท
      • ค่าจัดส่งจริง: 120 บาท
      • ค่าโฆษณา: 300 บาท
      • ค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์ม: 150 บาท
      • ค่าแพ็คสินค้า: 50 บาท
      • รวมรายจ่ายทั้งหมด = 2,120 บาท

มาคำนวณกันครับ:

3,100 บาท (รายรับ) – 2,120 บาท (รายจ่าย) = 980 บาท

นั่นหมายความว่าวันนี้คุณ ได้กำไร 980 บาท ครับ! เห็นไหมครับว่าง่ายนิดเดียว การ สรุปยอดขาย จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมการเงินได้ชัดเจนขึ้น

ตัวช่วยดีๆ ที่จะทำให้การ สรุปยอดขาย ของคุณง่ายขึ้น!

การบันทึกข้อมูลด้วยมือ หรือ ใช้แค่สมุดบัญชีอาจจะสะดวกในตอนแรก แต่ถ้าคุณ ขายของออนไลน์ ได้จำนวนมาก หรือ มีรายการเยอะๆ การใช้โปรแกรม หรือ แอปพลิเคชันจะช่วยประหยัดเวลา และลดความผิดพลาดได้มากเลยครับ มาดูกันว่ามีตัวช่วยอะไรบ้างที่น่าสนใจ

1. โปรแกรมตารางคำนวณ (Spreadsheet Program)

นี่คือตัวช่วยพื้นฐานที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายที่สุดครับ ไม่ว่าจะเป็น Microsoft Excel หรือ Google Sheets คุณสามารถสร้างตารางเพื่อบันทึกรายรับ รายจ่าย และใช้สูตรคำนวณกำไรขาดทุนได้เองครับ

    • ข้อดี: ฟรี หรือ มีค่าใช้จ่ายน้อย ใช้งานง่าย คุ้นเคยกันดี ปรับแต่งได้ตามใจชอบ
    • เหมาะสำหรับ: ผู้เริ่มต้น หรือ ผู้ที่มีรายการไม่เยอะมาก การ สรุปยอดขาย ด้วยวิธีนี้จะช่วยให้คุณคุ้นเคยกับการจัดการข้อมูล

2. แอปพลิเคชัน หรือ โปรแกรมทำบัญชีสำเร็จรูป

สำหรับคนที่ต้องการความสะดวกสบาย และฟังก์ชันที่มากกว่าตารางคำนวณ ปัจจุบันมีแอปพลิเคชัน หรือ โปรแกรมสำหรับช่วยบริหารจัดการร้านค้า และบัญชีเล็กๆ น้อยๆ ออกมามากมายครับ

    • FlowAccount: เป็นแพลตฟอร์มทำบัญชีออนไลน์ที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายสำหรับ SME มีระบบออกบิล บันทึกรายรับ-รายจ่าย และสรุปกำไรขาดทุนได้ครบวงจร ช่วยให้การ สรุปยอดขาย เป็นเรื่องง่ายขึ้น
    • PEAK: อีกหนึ่งโปรแกรมบัญชีที่ได้รับความนิยม มีฟังก์ชันที่หลากหลายมากขึ้น เหมาะสำหรับธุรกิจที่เริ่มเติบโต มีระบบบันทึกค่าใช้จ่าย และรายรับที่เป็นระเบียบ ทำให้การคำนวณกำไรขาดทุนสะดวกมากครับ
    • แอปพลิเคชันบันทึกรายรับ-รายจ่ายส่วนบุคคล: เช่น Money Manager, Spendee, Wallet by BudgetBakers แม้จะไม่ได้ออกแบบมาเพื่อธุรกิจโดยตรง แต่ก็สามารถปรับใช้ในการบันทึกรายรับ-รายจ่ายของร้านค้าได้ในเบื้องต้น และช่วยให้คุณ สรุปยอดขาย ได้อย่างรวดเร็ว

ข้อดี: มีฟังก์ชันครบครัน ลดความผิดพลาด ประหยัดเวลา ดูรายงานได้ง่าย

เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการความคล่องตัวในการจัดการข้อมูล ต้องการระบบที่ช่วยคำนวณ และสรุปผลให้เสร็จสรรพ ทำให้การ สรุปยอดขาย ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป

3. ระบบจัดการร้านค้า (POS System / E-commerce Platform Analytics)

ถ้าคุณ ขายของออนไลน์ ผ่านแพลตฟอร์ม E-commerce อย่าง Shopee, Lazada หรือ มีหน้าร้านค้าออนไลน์ของตัวเอง (เช่น Shopify, Woocommerce) แพลตฟอร์มเหล่านี้มักจะมีระบบ Analytics หรือ Dashboard ที่ช่วยให้คุณดูยอดขาย รายรับ และข้อมูลต่างๆ ได้ในตัว

    • Shopee/Lazada Seller Centre: แพลตฟอร์มเหล่านี้มีรายงานการขายที่ค่อนข้างละเอียด คุณสามารถดาวน์โหลดรายงานยอดขาย และค่าธรรมเนียมต่างๆ มาใช้ในการ สรุปยอดขาย ของคุณได้
    • Shopify/Woocommerce Dashboard: หากคุณมีเว็บไซต์ร้านค้าของตัวเอง ระบบหลังบ้านของแพลตฟอร์มเหล่านี้จะมีการแสดงผลข้อมูลยอดขายที่ชัดเจน และบางระบบสามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันเสริมสำหรับการทำบัญชีได้ด้วย

ข้อดี: ข้อมูลเป็นระบบ ระบุแหล่งที่มาของรายรับ-รายจ่ายได้ชัดเจน เห็นภาพรวมการขายจากแพลตฟอร์มได้ทันที ช่วยให้การ สรุปยอดขาย เป็นไปอย่างรวดเร็ว และแม่นยำ

เหมาะสำหรับ: ผู้ที่เน้นการ ขายของออนไลน์ ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ หรือ มีหน้าร้านออนไลน์ของตัวเอง

การ สรุปยอดขาย รายวันเป็นประจำ ไม่ใช่แค่ช่วยให้คุณรู้สถานะกำไร หรือ ขาดทุนเท่านั้นครับ แต่ยังเป็นข้อมูลสำคัญที่จะช่วยให้คุณวางแผนธุรกิจในอนาคตได้ดีขึ้นด้วย คุณจะเห็นเทรนด์การขายของคุณได้ ว่าช่วงไหนขายดี ช่วงไหนขายไม่ดี สินค้าตัวไหนขายดีที่สุด และค่าใช้จ่ายส่วนไหนที่สามารถลดได้ครับ ยิ่งมีตัวช่วยดีๆ อย่างโปรแกรม หรือ แอปพลิเคชันต่างๆ การ สรุปยอดขาย ของคุณก็จะยิ่งง่าย และมีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ

หวังว่าบล็อกนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับพ่อค้าแม่ค้า ขายของออนไลน์ ทุกท่านนะครับ ลองนำวิธีง่ายๆ เหล่านี้ไปปรับใช้ดู และอย่าลืมหาตัวช่วยที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ เพื่อให้การบริหารจัดการเป็นเรื่องง่าย ไม่ต้องปวดหัวอีกต่อไปครับ

แต่ถ้าหากอยากฟีเจอร์ระบบหลังบ้านกว่า 100 ฟีเจอร์ ที่สามารถช่วยในการขายของออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งมีบริการขนส่งในราคาพิเศษ ถูกกว่าไปส่งเองที่หน้าร้าน และยังสามารถเรียกรถเข้ารับฟรีได้ถึงหน้าบ้าน ต้องมาใช้งานระบบ iShip แถมระบบยังใช้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายรายเดือน! สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line: @iShip หรือ เพจ Facebook IShip ระบบจัดการรวมขนส่งออนไลน์ ได้ทุกวันตั้งแต่ 08.00 – 22.00 น. ครับผม

SHARE