เคล็ดไม่ลับ!! ใช้บริการเก็บเงินปลายทาง (COD) ผ่านระบบ iShip ยังไง ให้ตรงใจตามมาตรการส่งดี (Dee-Delivery)

การใช้บริการเก็บเงินปลายทาง (COD) กลายเป็นทางเลือกยอดนิยมที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการขายออนไลน์ได้ดี แต่การให้บริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าและตรงตามมาตรการส่งดี (Dee-Delivery) ก็ต้องมีการเตรียมพร้อม และใช้งานระบบ iShip อย่างมีประสิทธิภาพ วันนี้เรามาแนะนำวิธีการง่ายๆ ตั้งแต่เตรียมพร้อม จัดการออเดอร์ ไปจนถึงการใช้ Line Notify ช่วยให้การติดตามสถานะพัสดุมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น!

1. สิ่งที่ต้องเตรียมพร้อมก่อนส่งพัสดุ

การเตรียมพร้อมก่อนการส่งพัสดุที่มีการเก็บเงินปลายทาง (COD) จะช่วยลดปัญหา และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับการจัดส่ง โดยมีขั้นตอนที่ต้องเตรียมดังนี้:

    • เช็คความถูกต้องของที่อยู่ลูกค้า
      ตรวจสอบรายละเอียดที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ให้ถูกต้อง เพราะที่อยู่ที่ไม่ชัดเจนอาจทำให้การจัดส่งมีปัญหา ควรติดต่อสอบถามเพื่อยืนยันหากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อมูลของลูกค้า

    • แพ็กสินค้าพร้อมจัดส่ง
      การแพ็กสินค้าควรทำให้มั่นใจว่าสินค้าจะไม่เสียหายระหว่างการขนส่ง โดยใช้วัสดุป้องกันอย่างเหมาะสม และเขียนจ่าหน้าพัสดุอย่างชัดเจน โดยห้ามลืมใส่รายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าให้ครบถ้วน

    • คำนวณค่า COD ที่ชัดเจน
      คำนวณยอดเงินที่ต้องเก็บจากลูกค้าปลายทางอย่างถูกต้อง และระบุในรายการออเดอร์ เพื่อให้การรับชำระเงินเป็นไปอย่างราบรื่น

2. ขั้นตอนการสร้างรายการส่งพัสดุแบบเก็บเงินปลายทาง

ตัวอย่าง: การกรอกรายละเอียดสินค้าสำหรับการส่งพัสดุแบบเก็บเงินปลายทาง (COD)

การสร้างรายการส่งพัสดุแบบเก็บเงินปลายทางผ่านระบบ iShip ง่าย และรวดเร็ว ผู้ใช้งานสามารถทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

    1. เข้าสู่ระบบ iShip และเลือกสร้างออเดอร์ใหม่
      หลังจากเข้าสู่ระบบแล้ว ให้เลือก “สร้างรายการจัดส่ง” แล้วกรอกข้อมูลที่อยู่ของลูกค้า และข้อมูลการจัดส่ง

    2. เลือกบริการเก็บเงินปลายทาง (COD)
      ในขั้นตอนการเลือกบริการ ให้เลือกบริการแบบ “เก็บเงินปลายทาง” แล้วระบุยอดเงินที่ต้องการให้พนักงานขนส่งเก็บจากลูกค้าปลายทาง

    3. ตรวจสอบ และยืนยันรายการจัดส่ง
      ตรวจสอบข้อมูลทุกอย่างให้ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ลูกค้า ข้อมูลสินค้าส่ง และยอดเงิน COD เพื่อป้องกันข้อผิดพลาด

    4. ยืนยันการจัดส่ง และพิมพ์ใบแปะพัสดุ
      เมื่อยืนยันแล้ว ระบบจะสร้างใบแปะพัสดุ (Shipping Label) ที่มีรายละเอียดครบถ้วน จากนั้นก็สามารถพิมพ์ใบแปะ และติดบนพัสดุเพื่อให้พร้อมส่งออกได้ทันที

ตัวอย่าง: ใบปะหน้าของระบบ iShip สำหรับการส่งพัสดุแบบเก็บเงินปลายทาง (COD)

3. Line Notify ตัวช่วยสำคัญเมื่อลูกค้ามีการตีกลับ

Line Notify เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่มีประโยชน์ในระบบ iShip ที่จะช่วยให้ผู้ขายรับรู้สถานะของพัสดุที่ถูกตีกลับอย่างรวดเร็ว โดยเมื่อเกิดกรณีที่พัสดุส่งไม่ถึงลูกค้าหรือมีการปฏิเสธรับสินค้า ระบบ iShip จะส่งการแจ้งเตือนไปยัง Line Notify ของผู้ขายทันที ทำให้สามารถติดตามสถานะการจัดส่ง และจัดการแก้ไขได้อย่างทันท่วงที วิธีการตั้งค่าใช้งานมีดังนี้

    1. เข้าไปในหน้าตั้งค่าบนหน้า Website ของ iShip
    2. เลือกไปที่เมนู แจ้งเตือนไลน์ แล้วคลิกปุ่ม เชื่อมต่อระบบการแจ้งเตือนผ่านไลน์ 
    3. ทำการล็อกอินเข้าสู่ Line ของเราให้เรียบร้อย
    4. ระบบจะให้เราเลือกว่าต้องการให้แจ้งเตือนไปที่ แชทส่วนตัว หรือกลุ่มไลน์ ตรงนี้สามารถเลือกได้ตามความสะดวกเลยครับ

หลังจากนั้นเมื่อมีการอัพเดทเกี่ยวกับพัสดุผ่านระบบ iShip ระบบก็จะแจ้งเตือนไปที่ Line ที่เราเลือกไว้ทันทีครับ

ตัวอย่าง: การแสดงสถานะต่างๆ ของรายการส่งพัสดุ เมื่อมีการเชื่อมต่อกับ Line Notify เรียบร้อย

การใช้บริการเก็บเงินปลายทาง (COD) ผ่านระบบ iShip อย่างถูกต้อง และครบถ้วนจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขาย และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า การเตรียมตัวให้พร้อมตั้งแต่แรก เรียนรู้วิธีการใช้งานระบบอย่างมีประสิทธิภาพ และใช้ Line Notify ช่วยในการติดตามสถานะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การจัดส่งเป็นไปอย่างราบรื่น และตรงตามมาตรการส่งดี (Dee-Delivery)

แต่ถ้าหากอยากได้ใช้บริการขนส่งราคาถูก และมีรถรับพัสดุถึงหน้าบ้านแล้วล่ะก็ อย่าลืมมาลองใช้ขนส่งของ ระบบรวมขนส่ง iShip กันนะครับ รับรองว่าช่วยให้การส่งพัสดุเป็นเรื่องที่ง่าย และสร้างรายได้มากขึ้นได้อย่างแน่นอนครับ สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line: @iShip หรือเพจ Facebook IShip ระบบจัดการรวมขนส่งออนไลน์ ได้ทุกวันตั้งแต่ 08.00 – 22.00 น. ครับผม

SHARE