เชื่อไหมครับว่าปัญหาโลกแตกของคนขายของออนไลน์ที่มีหลายร้าน คือ การสลับบัญชีเพจ Facebook ไปมาจนงงเอง บางครั้งลูกค้าทักมาร้าน A แต่เราดันไปตอบในนามร้าน B หรือแย่กว่านั้น คือ ข้อความตกหล่นจนเสียลูกค้าไปดื้อๆ หากคุณกำลังเจอปัญหาเหล่านี้ ผมอยากบอกว่าคุณไม่ได้เผชิญชะตากรรมนี้เพียงลำพังครับ และข่าวดีที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ คือ เรามีตัวช่วยฟรีที่ทรงพลังมากอย่าง Meta Business Suite ที่จะมาเปลี่ยนความวุ่นวายให้กลายเป็นระบบระเบียบได้ในหน้าจอเดียว
วันนี้ผมจะมาแชร์เทคนิคการใช้เครื่องมือนี้ให้คุ้มค่าที่สุด เพื่อให้คนทำธุรกิจออนไลน์จัดการร้านค้าหลายเพจได้แบบมือโปรครับ
1. รวมทุกกล่องข้อความไว้ในที่เดียว ไม่ต้องสลับแอปฯ
หัวใจสำคัญที่ทำให้ Meta Business Suite เป็นที่รักของคนค้าขาย คือ ฟีเจอร์ Inbox หรือกล่องข้อความรวม ครับ ปกติถ้าเรามี 5 เพจ เราก็ต้องคอยกดสลับเพจไปมา 5 รอบเพื่อเช็กข้อความใช่ไหมครับ แต่ในระบบนี้ข้อความจากทุกเพจ ทั้งจาก Facebook และ Instagram จะไหลมารวมกันในหน้าจอเดียว เราสามารถเลือกดูรวมทั้งหมด หรือจะกรองดูทีละเพจก็ได้ ทำให้เราไม่พลาดทุกการสั่งซื้อ และที่สำคัญ คือ ลดเวลาในการทำงานลงไปได้เกินครึ่งเลยครับ
2. ตั้งค่าตอบกลับอัตโนมัติ เป็นเลขาฯ ส่วนตัว 24 ชั่วโมง
คนขายของออนไลน์ย่อมรู้ดีว่าลูกค้ามักจะทักมาในเวลาที่เราพักผ่อน หรือกำลังแพ็กของอยู่ การใช้ฟีเจอร์ Automation หรือการตอบกลับอัตโนมัติ จึงสำคัญมากครับ เราสามารถตั้งค่าคำถามที่พบบ่อย (FAQ) เช่น รอบการส่งของ ราคาโปรโมชัน หรือเลขบัญชีธนาคารเอาไว้ล่วงหน้า เมื่อลูกค้าทักมา ระบบจะส่งข้อมูลให้ทันทีโดยที่เราไม่ต้องพิมพ์ซ้ำๆ ช่วยรักษาความเร็วในการตอบแชท (Response Rate) ให้ร้านเราดูน่าเชื่อถืออยู่เสมอครับ
3. วางแผนคอนเทนต์ล่วงหน้า โพสต์พร้อมกันทุกร้านได้ดั่งใจ
การดูแลหลายเพจ สิ่งที่เหนื่อยที่สุดคือ การอัปเดตคอนเทนต์ ครับ จะให้มานั่งโพสต์ทีละรูป ทีละเพจ คงเสียเวลาทำมาหากินแย่ ใน Meta Business Suite มีเครื่องมือชื่อว่า Planner ที่ให้เราอัปโหลดรูป เขียนแคปชั่น และตั้งเวลาโพสต์ล่วงหน้าได้เป็นเดือนครับ ที่เจ๋งกว่านั้นคือ เราสามารถเลือกโพสต์ลงหลายเพจพร้อมกันได้ในคลิกเดียว ทำให้หน้าเพจของเรามีการเคลื่อนไหวสม่ำเสมอ โดยที่เราเอาเวลาไปโฟกัสเรื่องยอดขายได้เต็มที่ครับ
4. เชื่อมต่อระบบจัดการออเดอร์ผ่าน ShipChat เพื่อปิดการขายที่สมบูรณ์แบบ
เมื่อเราบริหารจัดการแชท และการโพสต์ได้ดีแล้ว อีกจุดหนึ่งที่สำคัญ คือ ขั้นตอนการปิดการขายครับ สำหรับเจ้าของธุรกิจที่ใช้งานระบบขนส่งของ iShip อยู่แล้ว ท่านสามารถใช้งานฟีเจอร์ ShipChat ควบคู่ไปกับการบริหารเพจได้เลยครับ เพราะระบบนี้จะช่วยให้เราสามารถสร้างออเดอร์ เช็กค่าส่ง และพิมพ์ใบปะหน้าพัสดุได้ทันทีในระหว่างที่คุยแชทกับลูกค้า โดยไม่ต้องสลับหน้าจอไปมาให้วุ่นวาย ซึ่งถือเป็นการเชื่อมต่อระบบหลังบ้านเข้ากับงานดูแลลูกค้าได้อย่างไร้รอยต่อ ช่วยลดความผิดพลาดในการจดที่อยู่ และทำให้ปิดการขายได้รวดเร็วยิ่งขึ้นครับ
5. แบ่งงานให้ทีมงานดูแล โดยไม่ต้องให้รหัสผ่าน
เมื่อธุรกิจโตขึ้น เราอาจจะดูคนเดียวไม่ไหว และต้องจ้างแอดมินมาช่วยตอบครับ ข้อควรระวังคือห้ามให้รหัสผ่านส่วนตัวของเรากับใครเด็ดขาด แต่ให้ใช้การ มอบหมายบทบาท (Assign Roles) ใน Meta Business Suite แทนครับ เราสามารถเชิญทีมงานเข้ามาดูแลเฉพาะส่วนได้ เช่น ให้คนนี้ตอบแชทอย่างเดียว หรือให้คนนั้นยิงโฆษณาอย่างเดียว วิธีนี้จะช่วยปกป้องบัญชีของเราให้ปลอดภัย และยังติดตามผลงานของแอดมินแต่ละคนได้ชัดเจนอีกด้วยครับ
เช็กลิสต์การตั้งค่า Meta Business Suite เบื้องต้น (ฉบับย่อ)
ตรวจสอบว่า Facebook Page และ Instagram Account ที่ต้องการจัดการ ถูกเชื่อมโยงเข้ากับ Business Suite ครบถ้วนแล้ว
เข้าไปที่เมนู กล่องข้อความ เพื่อทำความเข้าใจหน้าจอรวม (Unified Inbox) และการใช้ฟิลเตอร์ในการกรองข้อความจากแต่ละแพลตฟอร์ม หรือแต่ละเพจ
เข้าไปที่ เครื่องมือสำหรับจัดการข้อความ หรือ Automation เพื่อตั้งค่าข้อความต้อนรับ (Instant Reply) หรือคำถามที่พบบ่อย (FAQ)
เข้าไปที่ การตั้งค่าธุรกิจ > บัญชี > ผู้คน เพื่อเพิ่มทีมงาน และกำหนดสิทธิ์การเข้าถึง (Admin, Editor, Moderator) ให้ชัดเจน
ตรวจสอบว่า Pixel, Catalog (แคตตาล็อกสินค้า) หรือบัญชีโฆษณา (Ad Account) ที่เกี่ยวข้องกับร้านค้า ถูกเชื่อมต่อเข้ามาใน Business Suite แล้ว
เข้าไปที่เมนู เครื่องมือวางแผน เพื่อลองกำหนดเวลาโพสต์ล่วงหน้า และทดลองโพสต์พร้อมกันหลายเพจ (Facebook และ Instagram)
สร้าง และบันทึกกลุ่มเป้าหมายโฆษณาที่ใช้บ่อย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการยิงแอดในอนาคต (Custom Audience หรือ Lookalike Audience)
การมีหลายเพจไม่ใช่เรื่องน่าปวดหัวอีกต่อไป หากเรารู้จักใช้เครื่องมือให้ถูกวิธีครับ Meta Business Suite คือ กุญแจสำคัญที่จะช่วยปลดล็อกเวลาอันมีค่าของคุณ ให้กลับมาโฟกัสกับการเติบโตของธุรกิจได้เต็มที่ ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ดูนะครับ ผมรับรองว่าชีวิตการขายของออนไลน์ของคุณจะง่ายขึ้น และเป็นระบบขึ้นอย่างแน่นอนครับ
แต่ถ้าหากอยากฟีเจอร์ระบบหลังบ้านกว่า 100 ฟีเจอร์ ที่สามารถช่วยในการขายของออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งมีบริการขนส่งในราคาพิเศษ ถูกกว่าไปส่งเองที่หน้าร้าน และยังสามารถเรียกรถเข้ารับฟรีได้ถึงหน้าบ้าน ต้องมาใช้งานระบบ iShip แถมระบบยังใช้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายรายเดือน! สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line: @iShip หรือเพจ Facebook IShip ระบบจัดการรวมขนส่งออนไลน์ ได้ทุกวันตั้งแต่ 08.00 – 22.00 น. ครับผม
SHARE