ไขข้อสงสัย! พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) กับการขายของออนไลน์ สิ่งไหนที่ผู้ขายต้องระวังเป็นพิเศษ

วันนี้ผมมีเรื่องสำคัญที่อยากจะชวนมาคุยกันครับ เพราะมันเกี่ยวข้องโดยตรงกับการ ขายของออนไลน์ ของเราทุกคน นั่นก็คือเรื่องของ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า PDPA นั่นแหละครับ

หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำนี้มาบ้างแล้ว แต่ก็อาจจะยังงง ๆ ว่ามันคืออะไร แล้วมันเกี่ยวข้องกับธุรกิจ ขายของออนไลน์ ของเรายังไง? ต้องทำตัวยังไงบ้างถึงจะไม่พลาด? ไม่ต้องกังวลครับ วันนี้ผมจะมาอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ เห็นภาพชัดเจน และนำไปปรับใช้ได้จริง เพื่อให้การ ขายของออนไลน์ ของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ต้องกังวลเรื่องกฎหมายเลยครับ

ทำไม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ถึงสำคัญกับการขายของออนไลน์?

ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) คืออะไร พูดง่าย ๆ ก็คือเป็นกฎหมายที่ออกมาเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล หรือ แม้แต่ข้อมูลการสั่งซื้อของเราครับ

แล้วทำไมมันถึงสำคัญกับคน ขายของออนไลน์ ล่ะครับ? ก็เพราะว่าในฐานะผู้ขาย เราต้องมีการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ลูกค้าสั่งซื้อสินค้า สอบถามข้อมูล หรือ แม้กระทั่งการจัดส่งสินค้า การที่เราจะดำเนินการกับข้อมูลเหล่านี้ได้ เราจำเป็นต้องปฏิบัติตามหลักการของ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) อย่างเคร่งครัดครับ

สิ่งที่ผู้ขายของออนไลน์ต้องระวังเป็นพิเศษภายใต้ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA)

เอาล่ะครับ มาถึงหัวใจสำคัญของเรื่องนี้กันแล้ว ว่ามีอะไรบ้างที่ผู้ ขายของออนไลน์ อย่างเราต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพื่อให้มั่นใจว่าเราปฏิบัติตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) อย่างถูกต้องครับ

1. การขอความยินยอม (Consent) จากลูกค้า

นี่คือสิ่งแรก และสำคัญที่สุดเลยครับ ก่อนที่เราจะเก็บรวบรวม หรือ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า เราจะต้องได้รับความยินยอมจากลูกค้าก่อนครับ การขอความยินยอมควรมีความชัดเจน เข้าใจง่าย และลูกค้าต้องมีทางเลือกที่จะให้ หรือ ไม่ให้ความยินยอมได้

ตัวอย่างง่ายๆ: เวลาลูกค้าทักเข้ามาสอบถามสินค้าในแชท หรือ สั่งซื้อสินค้าผ่านหน้าเว็บไซต์ เราควรมีข้อความแจ้งให้ลูกค้าทราบว่าเราจะมีการเก็บข้อมูลอะไรบ้าง และจะนำข้อมูลนั้นไปใช้อย่างไร เช่น “เราจะใช้ข้อมูลชื่อ-ที่อยู่ของคุณเพื่อการจัดส่งสินค้า” และมีช่องให้ลูกค้ากด “ยอมรับ” หรือ “ตกลง” ครับ

2. แจ้งวัตถุประสงค์ในการเก็บข้อมูลอย่างชัดเจน

ไม่ใช่แค่ขอความยินยอมเฉยๆ นะครับ เราต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบด้วยว่าเราจะนำข้อมูลของเขาไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อะไรบ้าง เช่น เพื่อการจัดส่งสินค้า เพื่อแจ้งโปรโมชัน เพื่อการติดต่อสื่อสาร หรือ เพื่อปรับปรุงบริการของเรา เป็นต้น การแจ้งวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนจะช่วยให้ลูกค้าสบายใจ และมั่นใจว่าข้อมูลของเขาจะไม่ถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสมครับ

ตัวอย่างง่ายๆ: บนหน้าเว็บไซต์ หรือ ในขั้นตอนการสั่งซื้อ เราอาจจะมีนโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy) ที่อธิบายวัตถุประสงค์ในการเก็บข้อมูลอย่างละเอียด ซึ่งลูกค้าสามารถกดเข้าไปอ่านได้ครับ

3. การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล

ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเป็นของมีค่าครับ เราในฐานะผู้ขายต้องมีมาตรการที่เหมาะสมในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เพื่อป้องกันการเข้าถึง การนำไปใช้ การเปิดเผย การเปลี่ยนแปลง หรือ การทำลายข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต

ตัวอย่างง่ายๆ: ถ้าเราเก็บข้อมูลลูกค้าไว้ในคอมพิวเตอร์ของเรา ก็ควรมีการตั้งรหัสผ่านที่รัดกุมครับ หรือถ้าเราใช้แพลตฟอร์ม ขายของออนไลน์ ต่างๆ แพลตฟอร์มเหล่านั้นก็ควรมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีครับ หลีกเลี่ยงการเปิดเผยข้อมูลลูกค้าโดยไม่จำเป็นครับ

4. ไม่เก็บข้อมูลเกินความจำเป็น

เก็บข้อมูลเท่าที่จำเป็นสำหรับการดำเนินธุรกิจ ขายของออนไลน์ ของเราเท่านั้นครับ ไม่ควรเก็บข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้อง หรือ เกินความจำเป็น เพราะยิ่งเก็บข้อมูลมากเท่าไหร่ ความเสี่ยงในการดูแลรักษาข้อมูลก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้นครับ

ตัวอย่างง่ายๆ: หากเราขายเสื้อผ้าออนไลน์ เราอาจจะต้องการชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ของลูกค้าเพื่อจัดส่งสินค้า แต่เราอาจจะไม่จำเป็นต้องขอข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ เช่น วันเกิด หรือ สถานภาพสมรส หากข้อมูลนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการซื้อขายสินค้าของเราครับ

5. สิทธิของเจ้าของข้อมูล

ภายใต้ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ลูกค้า หรือ เจ้าของข้อมูลมีสิทธิหลายอย่างที่ควรรู้ เช่น สิทธิในการเข้าถึงข้อมูล สิทธิในการแก้ไขข้อมูล สิทธิในการขอให้ลบข้อมูล หรือ สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูล ผู้ขายควรมีช่องทาง หรือ ขั้นตอนที่ชัดเจนเพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้สิทธิเหล่านี้ได้ครับ

ตัวอย่างง่ายๆ: หากลูกค้าต้องการแก้ไขที่อยู่ในการจัดส่งสินค้า เราก็ควรมีระบบ หรือ ขั้นตอนที่ลูกค้าสามารถแจ้งเข้ามาเพื่อแก้ไขข้อมูลได้ หรือ หากลูกค้าไม่ต้องการรับข่าวสารโปรโมชันอีกต่อไป ก็ควรมีปุ่มให้ลูกค้ากด Unsubscribe ได้เองครับ

จะเห็นได้ว่า พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปแล้วครับสำหรับคนทำธุรกิจ ขายของออนไลน์ การทำความเข้าใจ และปฏิบัติตามกฎหมายฉบับนี้อย่างถูกต้อง ไม่ได้เป็นแค่การทำตามกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับร้านค้าของเรา และสร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้าอีกด้วยนะครับ

การทำธุรกิจ ขายของออนไลน์ ให้เติบโตอย่างยั่งยืน การใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างเรื่องข้อมูลส่วนบุคคลนี้ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเลยครับ ขอให้ทุกท่านสนุกกับการ ขายของออนไลน์ และทำธุรกิจอย่างมีความสุขนะครับ!

แต่ถ้าหากอยากฟีเจอร์ระบบหลังบ้านกว่า 100 ฟีเจอร์ ที่สามารถช่วยในการขายของออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งมีบริการขนส่งในราคาพิเศษ ถูกกว่าไปส่งเองที่หน้าร้าน และยังสามารถเรียกรถเข้ารับฟรีได้ถึงหน้าบ้าน ต้องมาใช้งานระบบ iShip แถมระบบยังใช้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายรายเดือน! สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line: @iShip หรือ เพจ Facebook IShip ระบบจัดการรวมขนส่งออนไลน์ ได้ทุกวันตั้งแต่ 08.00 – 22.00 น. ครับผม

SHARE