Pop Mart แบรนด์ของเล่นแนว Art Toy สัญชาติจีนโด่งดังไปทั่วโลกด้วยกลยุทธ์การตลาดที่ไม่เหมือนใคร หนึ่งในกลยุทธ์ที่สร้างความฮือฮาและดึงดูดใจผู้บริโภคก็ คือ การจงใจผลิตสินค้าให้ไม่เพียงพอต่อความต้องการ หรือที่เรียกว่า “สินค้ามีจำนวนจำกัด” นั่นเอง แต่ทำไมกลยุทธ์นี้ถึงเวิร์ค? อะไรคือ กุญแจสำคัญที่ทำให้ Pop Mart ประสบความสำเร็จ? ในบทความนี้เราจะลองวิเคราะห์กันครับ
1. จิตวิทยาความอยากได้
มนุษย์โดยธรรมชาติมี “แรงจูงใจด้านลบ” อยู่ในตัว นั่นคือ “ความกลัวการสูญเสีย” เมื่อเราเห็นอะไรที่หายากหรือมีจำนวนจำกัด จะกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกอยากได้ Pop Mart เข้าใจดีถึงจุดนี้ จึงจงใจผลิตสินค้าแต่ละคอลเล็กชันออกมาในจำนวนจำกัด เล่นกับ “กลัวพลาด” ของลูกค้า กระตุ้นให้รีบซื้อก่อนสินค้าจะหมด
2. สร้างความพิเศษและคุณค่า
สินค้าที่มีจำนวนจำกัด ย่อมกลายเป็น “ของสะสม” ที่มีความพิเศษและหายาก Pop Mart มักออกแบบสินค้าแต่ละคอลเล็กชันให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดึงดูดนักสะสม ยิ่งสินค้าหายาก มูลค่าก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้น กลายเป็น “ของสะสมล้ำค่า” ที่แฟน ๆ ต่างใฝ่ฝันอยากครอบครอง
3. กระตุ้นการซื้อซ้ำ
กลยุทธ์ “สินค้าไม่พอ” ช่วยกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ เพราะกลัวว่าจะพลาดโอกาส Pop Mart มักวางจำหน่ายสินค้าใหม่เป็นคอลเล็กชัน แต่ละคอลเล็กชันมีจำนวนจำกัด กระตุ้นให้ลูกค้าต้องรีบซื้อ กลัวว่าจะหมด และยังมีกลยุทธ์ “สินค้าลับ” หรือ “สินค้าหายาก” ที่แทรกรวมอยู่ในกล่องสุ่ม ยิ่งกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อซ้ำเพื่อลุ้น
4. สร้างชุมชน
Pop Mart ไม่ได้ขายแค่ของเล่น แต่สร้าง “ชุมชน” ของนักสะสม แฟน ๆ ต่างรอคอยคอลเล็กชันใหม่ แชร์ประสบการณ์การแกะกล่องสุ่ม พูดคุยแลกเปลี่ยนซื้อขาย กลายเป็น “ปรากฏการณ์ทางสังคม” ที่ดึงดูดผู้คนให้เข้าร่วม
5. ขยายฐานลูกค้า
กลยุทธ์ “สินค้าไม่พอ” ดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ที่รัก “ของสะสม” “ของหายาก” Pop Mart ไม่ได้จำกัดกลุ่มลูกค้าแค่เด็กหรือวัยรุ่น แต่ยังดึงดูดกลุ่มคนทำงาน นักสะสม และผู้ที่มีกำลังซื้อ ขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือกระตุ้นยอดขาย สร้างการมีส่วนร่วม และสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง แต่ข้อเสีย คืออาจทำให้ลูกค้าบางกลุ่มรู้สึกผิดหวัง เสียความประทับใจ Pop Mart ประสบความสำเร็จด้วยกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด ผสมผสานจิตวิทยาความอยากได้ การสร้างคุณค่า การกระตุ้นการซื้อซ้ำ และการสร้างชุมชน กลายเป็นปรากฏการณ์ทางการตลาดที่น่าจับตามอง สำหรับธุรกิจอื่น ๆ กลยุทธ์นี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ แต่ต้องพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ อย่างรอบคอบ เข้าใจกลุ่มลูกค้า และมีสินค้าที่มีคุณภาพและเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงจะประสบความสำเร็จได้เช่นเดียวกับ Pop Mart
แต่ถ้าหากอยากได้ตัวช่วยในการขายของออนไลน์คุณภาพดีแล้วล่ะก็ อย่าลืมมาลองใช้งาน ระบบหลังบ้าน iShip กันนะครับ รับรองว่าช่วยให้การขายของออนไลน์มีประสิทธิภาพมากขึ้นอยากแน่นอนครับ สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เพจ Facebook IShip ระบบจัดการรวมขนส่งออนไลน์ ได้ทุกวันตั้งแต่ 08.00 – 22.00 น.