สำหรับคนขายของออนไลน์แล้ว การมีออร์เดอร์ลูกค้าเข้ามานับว่าเป็นสิ่งที่ดี เป็นเหมือนน้ำทิพย์หล่อเลี้ยงจิตใจ และเป็นสิ่งที่แสดงว่าร้านของคุณต้องมียอดขายอย่างแน่นอน แต่การจะรักษาออร์เดอร์ให้มีอย่างต่อเนื่องนั้นเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งต้องอาศัยความเชื่อมั่นของลูกค้า ที่มีต่อสินค้าที่ขาย รวมถึงการให้บริการจัดส่งสินค้าอย่างถูกต้อง ตรงเวลา
ดังนั้น ความใส่ใจในการตรวจเช็กออร์เดอร์ และการส่งสินค้าให้ลูกค้าได้ครบถ้วน ตรงตามกำหนดเวลา จึงเป็นสิ่งที่คุณไม่ควรพลาด เพื่อให้คุณบริหารออร์เดอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างยอดขายได้อย่างสุดปัง เราจึงมี 7 เทคนิคขายของออนไลน์ ทำยังไงไม่ให้ออร์เดอร์หลุด มาบอกกัน
1. จดออร์เดอร์ลูกค้าให้ถูกต้องและครบถ้วน
เทคนิคขายของอย่างไรให้ออร์เดอร์ไม่หลุด แบบพื้นฐานที่แม่ค้าพ่อค้าออนไลน์หลายคนคงคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่วิธีนี้เหมาะกับคนที่เพิ่งเริ่มต้นขายสินค้า ที่จะมีออร์เดอร์สินค้าเข้ามาเรื่อย ๆ และมีช่องทางการสั่งซื้อเพียงไม่กี่ช่องทาง สามารถติดตามตรวจสอบและจดบันทึกได้ด้วยตนเอง
แต่การจดออร์เดอร์แบบนี้ไม่เหมาะกับร้านค้าที่มีออร์เดอร์เข้ามาทีละมาก ๆ รวมถึงมีการขายสินค้าผ่านช่องทางไลฟ์สด เพราะถ้าแม่ค้าขายสินค้าไปด้วย จดออร์เดอร์ไปด้วย อาจทำให้เกิดการผิดพลาดได้ จึงควรหาคนมาช่วยจดออร์เดอร์ หรือระบบรับออร์เดอร์ ที่ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดพลาดได้
2. ติด Tag ชื่อลูกค้า และสถานะการสั่งซื้อ
สำหรับแม่ค้าออนไลน์ที่มีช่องทางขายสินค้าเป็น Facebook หรือว่า LiNE ทั้งสองช่องทางนี้มีฟีเจอร์ที่ช่วยให้คุณพ่อค้าแม่ค้าสามารถจัดการออร์เดอร์จากลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น คือการติดป้าย Tag กำกับบนแชตของลูกค้านั่นเอง
ในการติดป้าย Tag กำกับบนแชตของลูกค้านั่น พ่อค้าแม่ค้ายังกำหนดป้าย Tag ได้ด้วยตนเอง เพื่อบอกสถานะ เช่น คนที่สั่งซื้อแต่ไม่จ่ายเงิน หรือคนที่จ่ายเงินแล้ว ซึ่งเป็นเทคนิคขายของที่ช่วยให้คุณสามารถจัดการออร์เดอร์สินค้าได้ง่ายขึ้น
3. กำหนดเวลาการเปิด-ปิดรับออร์เดอร์
หากต้องการบริหารจัดการออร์เดอร์ให้มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และไม่ผิดพลาด การกำหนดช่วงเวลาในการเปิด-ปิดรับออร์เดอร์ให้ชัดเจนในแต่ละวัน นับเป็นหนึ่งในเทคนิคขายของออนไลน์ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะจะทำให้คุณมีเวลาตรวจทานออร์เดอร์ให้ครบถ้วน
เช่น ร้านของคุณจะเปิดรับออร์เดอร์ตั้งแต่ 8.00-20.00 น. หากใครสั่งสินค้าหลังจาก 20.00 น. ก็จะไปจัดส่งพร้อมกับออร์เดอร์รอบของวันต่อไป ซึ่งจะช่วยให้จัดการออร์เดอร์ได้อย่างไม่ตกหล่น
4. ติดตามสถานะการจ่ายเงิน ด้วยระบบเช็กยอดเงิน
นอกจากการกำหนดเวลาเปิด-ปิดรับออร์เดอร์ที่ชัดเจน อีกหนึ่งเทคนิคขายของออนไลน์ที่ช่วยให้ออร์เดอร์ไม่ผิดพลาด คือการติดตามจากสถานะการชำระค่าสินค้าในแต่ละรอบการจัดส่ง เพื่อคุณจะได้จัดเตรียมสินค้าสำหรับออร์เดอร์ที่ชำระเงินในเวลาที่กำหนด รวมถึงแม่ค้าควรดำเนินการจัดส่งสินค้าไปถึงมือลูกค้าอย่างครบถ้วน ไม่ล่าช้า เพื่อทันต่อรอบการส่งสินค้าในแต่ละวันอีกด้วย
5. รีเช็กออร์เดอร์ทุกครั้งก่อนแพ็กและหลังแพ็ก
ทุกครั้งก่อนและหลังแพ็กสินค้า แม่ค้าต้องทำการตรวจทานออร์เดอร์สินค้า โดยเปรียบเทียบกับรายการสั่งซื้อสินค้าทั้งหมดที่คุณจดมาอย่างที่กล่าวในเบื้องต้น หรือรายการสรุปจากระบบจัดการออร์เดอร์สินค้า เพื่อให้มีความแม่นยำและถูกต้องมากขึ้น
6. ติดตามพัสดุ ด้วยระบบติดตามพัสดุ
ถึงแม้ว่าคุณแม่ค้าจะส่งสินค้าออกไปแล้ว แต่ก็อย่าเพิ่งไว้วางใจ เพราะสินค้าอาจตกหล่นเสียหายระหว่างขั้นตอนการขนส่งได้เช่นกัน ดังนั้น คุณจึงต้องหมั่นติดตามสถานะพัสดุอยู่เสมอ โดยคุณสามารถใช้ระบบจัดการออร์เดอร์ที่มีฟีเจอร์ช่วยแจ้งและติดตาม Tracking Number เพื่อทำให้คุณและลูกค้าของคุณติดตามสถานะพัสดุได้อย่างสะดวก
7. ใช้ระบบจัดการออร์เดอร์ที่มีประสิทธิภาพ
การใช้ระบบจัดการออร์เดอร์ที่มีประสิทธิภาพ เป็นหนึ่งเทคนิคขายของออนไลน์ที่จะช่วยคุณรวบรวมออร์เดอร์จากช่องทางต่าง ๆ และยังช่วยเก็บบันทึกข้อมูลลูกค้า รวมถึงจัดการออร์เดอร์ตามสถานะการจ่ายเงิน ไปจนถึงการบันทึกเลข Tracking Number ได้อย่างอัตโนมัติ เพื่อให้คุณจัดการออร์เดอร์ได้อย่างไม่มีตกหล่น
จัดการออร์เดอร์ ด้วยระบบจัดการร้านค้าออนไลน์จาก iShip
ระบบหลังบ้านร้านค้าออนไลน์จาก iShip ช่วยจัดการคำสั่งซื้ออย่างมีประสิทธิภาพ ออร์เดอร์ไม่ตกหล่น ช่วยให้คุณแม่ค้าสามารถเปิดออร์เดอร์ และสร้างใบสั่งซื้อ เพื่อส่งให้แก่ลูกค้าได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังมีการบันทึก Tracking Number เพื่อให้คุณกับลูกค้าติดตามพัสดุได้อย่างสะดวก
ทั้งหมดนี้ คือ เทคนิคขายของออนไลน์ที่เรารวบรวมมาแนะนำกัน สำหรับใครที่สนใจใช้บริการระบบจัดการร้านค้าออนไลน์จาก iShip สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ LINE OFFICIAL : @iship หรือเบอร์โทร 094-413-4565
SHARE