
สวัสดีครับแม่ค้าออนไลน์ทุกท่าน! วันนี้เรามาคุยกันเรื่องที่สำคัญมากๆ สำหรับการทำธุรกิจออนไลน์ นั่นคือ การสร้างคาแรกเตอร์แบรนด์ ให้แข็งแรง และจดจำได้
หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมต้องมีคาแรกเตอร์แบรนด์ด้วย? คำตอบง่ายๆ คือ ในโลกออนไลน์ที่มีคู่แข่งเพียบ การมีตัวตนที่ชัดเจน และน่าจดจำจะช่วยให้ลูกค้าเลือกเราแทนที่จะเลือกคนอื่นครับ
ทำความเข้าใจ “คาแรกเตอร์แบรนด์” ก่อนเริ่มต้น
คาแรกเตอร์แบรนด์ก็เหมือนกับบุคลิกของคนเราครับ ถ้าเราเป็นคนสนุกสนาน ร่าเริง คนก็จะจำเราได้ว่า “อ๋อ คนที่ชอบขำ ชอบล้อเล่น” แต่ถ้าเราเป็นคนจริงจัง มีระเบียบ คนก็จะจำเราว่า “คนที่ไว้ใจได้ ทำงานละเอียด”
สำหรับแบรนด์ก็เช่นกัน ถ้าเรามีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจน ลูกค้าจะจำเราได้ และเกิดความรู้สึกผูกพันกับแบรนด์เราครับ
ขั้นตอนการสร้างคาแรกเตอร์แบรนด์ที่แข็งแรง
1. กำหนดบุคลิกหลักของแบรนด์
เริ่มต้นด้วยการถามตัวเองว่า “แบรนด์เราต้องการเป็นอะไร?”
ตัวอย่างการกำหนดบุคลิก:
- แบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่น อาจเลือกเป็น “สาวทันสมัย มั่นใจ ชอบแต่งตัว”
- แบรนด์อาหารเสริม อาจเลือกเป็น “คนใส่ใจสุขภาพ รู้จักดูแลตัวเอง เป็นกันเอง”
- แบรนด์เครื่องประดับ อาจเลือกเป็น “ผู้หญิงที่หรูหรา มีรสนิยม แต่ไม่เหิมเกริม”
การกำหนดบุคลิกนี้ต้องสอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายด้วยครับ ถ้าลูกค้าเราเป็นแม่บ้านวัยกลางคน เราก็ไม่ควรสร้างคาแรกเตอร์แบบวัยรุ่นจนเกินไป
2. เลือกโทนเสียงการสื่อสาร (Tone of Voice)
โทนเสียงก็คือ “วิธีพูด” ของแบรนด์เราครับ เหมือนกับคนเราที่บางคนพูดเสียงใสสนุกสนาน บางคนพูดเสียงเบาๆ นุ่มนวล
โทนเสียงที่ใช้ได้บ่อย:
- เป็นกันเอง-สนิทสนม เหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลาย
- มืออาชีพ-น่าเชื่อถือ เหมาะกับแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ หรือ การเงิน
- แปลกใหม่-สร้างสรรค์ เหมาะกับแบรนด์แฟชั่น หรือ ของแต่งบ้าน
- อบอุ่น-ใส่ใจ เหมาะกับแบรนด์สำหรับครอบครัว หรือ เด็ก
3. สร้างรูปแบบการสื่อสาร (Communication Style)
นี่คือส่วนที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดครับ เพราะเป็นสิ่งที่ลูกค้าจะเจอทุกครั้งที่เห็นโพสต์ หรือ แชทกับเรา
องค์ประกอบของรูปแบบการสื่อสาร:
คำศัพท์ที่ใช้: เลือกคำที่สะท้อนบุคลิกแบรนด์
- แบรนด์เป็นกันเอง → ใช้คำว่า “ว้าว!” “สุดยอด!” “ปัง!”
- แบรนด์มืออาชีพ → ใช้คำว่า “คุณภาพเยี่ยม” “มาตรฐานสูง” “ได้รับการรับรอง”
การใช้อีโมจิ: ต้องสอดคล้องกับบุคลิกแบรนด์ครับ
- แบรนด์สนุกสนาน → ใช้อีโมจิเยอะหน่อย 🎉✨💕
- แบรนด์จริงจัง → ใช้อีโมจิน้อยลง เลือกแบบเรียบๆ ✅💼📋
4. สร้างเรื่องเล่า (Brand Story) ที่สอดคล้อง
ทุกแบรนด์ต้องมีเรื่องเล่าครับ และเรื่องเล่านี้ต้องสะท้อนคาแรกเตอร์ที่เราต้องการ
ตัวอย่างการเล่าเรื่อง:
- แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว อาจเล่าเรื่อง “เริ่มต้นจากการมีปัญหาสิว ค้นคว้าหาผลิตภัณฑ์ธรรมชาติมาดูแลตัวเอง จนผิวดีขึ้น เลยอยากแชร์ให้คนอื่นได้ผิวสวยเหมือนกัน”
- แบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่น อาจเล่าเรื่อง “รักการแต่งตัว อยากให้ผู้หญิงทุกคนมั่นใจในตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้าน หรือ ผู้หญิงทำงาน ทุกคนสมควรได้แต่งตัวสวยๆ ในราคาที่เข้าถึงได้”
การนำคาแรกเตอร์แบรนด์ไปใช้ในทุกช่องทาง
Facebook & Instagram
การเขียนแคปชั่น:
- ใช้โทนเสียงที่กำหนดไว้อย่างสม่ำเสมอ
- ถ้าแบรนด์เป็นกันเอง ก็เขียนแบบคุยกับเพื่อน “วันนี้อากาศร้อนจัง! มาดูเสื้อเบาๆ สีสวยๆ กันเถอะ 😊”
- ถ้าแบรนด์มืออาชีพ ก็เขียนแบบให้ข้อมูล “ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ได้รับการรับรองคุณภาพ พร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ”
การตอบ Comment:
- ตอบแบบสอดคล้องกับบุคลิกแบรนด์
- อย่าให้มีวันที่ตอบแบบเป็นกันเอง แล้ววันหลังตอบแบบเป็นทางการ เพราะจะทำให้ลูกค้าสับสน
LINE Official Account
การทักทาย:
- สร้างข้อความทักทายที่สะท้อนบุคลิกแบรนด์
- “สวัสดีจ้า! ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัว [ชื่อแบรนด์] ที่นี่มีแต่ของดีๆ รออยู่ค่ะ 💕”
การส่งข้อความ:
- ใช้ภาษาที่สอดคล้องกับคาแรกเตอร์
- ถ้าเป็นแบรนด์อบอุ่น อาจเริ่มด้วย “สวัสดีค่ะคุณลูกค้าที่น่ารัก”
- ถ้าเป็นแบรนด์เท่ๆ อาจเริ่มด้วย “Hey! มีอัพเดทใหม่มาบอก”
Website & E-commerce
การเขียนรายละเอียดสินค้า:
- ใช้คำศัพท์ที่สะท้อนบุคลิกแบรนด์
- แบรนด์สาวๆ อาจใช้คำว่า “น่ารักมาก” “สวยปัง” “must have”
- แบรนด์จริงจัง อาจใช้คำว่า “คุณสมบัติเด่น” “วัสดุคุณภาพ” “การันตีความพอใจ”
หน้า About Us:
- เล่าเรื่องราวแบรนด์ให้สอดคล้องกับคาแรกเตอร์
- ใส่รูปภาพที่สื่อถึงบุคลิกแบรนด์
การให้บริการลูกค้า
การแชท:
- ถ้าแบรนด์เป็นกันเอง → “สวัสดีค่ะ! มีอะไรให้ช่วยไหมคะ? 😊”
- ถ้าแบรนด์เป็นทางการ → “สวัสดีครับ ยินดีให้บริการ มีอะไรให้ช่วยเหลือไหมครับ”
การแก้ไขปัญหา:
- แม้เจอปัญหา ก็ต้องแก้ไขในแบบที่สอดคล้องกับคาแรกเตอร์แบรนด์
- แบรนด์อบอุ่น → “ขออภัยจริงๆ นะคะ เราจะแก้ไขให้เร็วที่สุดเลย 🙏”
- แบรนด์มืออาชีพ → “เราขออภัยในความไม่สะดวก และจะดำเนินการแก้ไขให้ท่านโดยเร็วครับ”
เคล็ดลับการรักษาความต่อเนื่องของคาแรกเตอร์แบรนด์
1. สร้าง Brand Guideline
เขียนคู่มือง่ายๆ สำหรับตัวเองครับ ประกอบด้วย:
- บุคลิกแบรนด์ (3-5 คำสำคัญ)
- โทนเสียงที่ใช้
- คำศัพท์ที่ควรใช้ และไม่ควรใช้
- ตัวอย่างการเขียนที่ถูกต้อง
2. ใช้ Template การสื่อสาร
สร้างรูปแบบการสื่อสารมาตรฐานไว้ครับ เช่น:
- รูปแบบการเขียนแคปชั่นโปรโมท
- รูปแบบการตอบ comment
- รูปแบบการส่งข้อความใน LINE
- รูปแบบการแก้ไขปัญหา
3. Review และปรับปรุงเป็นระยะ
เดือนละครั้ง ให้ดูย้อนหลังว่าการสื่อสารของเรายังสอดคล้องกับคาแรกเตอร์แบรนด์ที่ตั้งไว้ หรือ ไม่ หากมีส่วนที่เพี้ยนไป ก็ปรับแก้ให้ทันครับ
การสร้างคาแรกเตอร์แบรนด์ที่แข็งแรงไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ในข้ามคืนครับ ต้องใช้เวลา ความอดทน และความสม่ำเสมอ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องเป็นตัวเราเอง อย่าไปเป็นคนอื่น เพราะการแสดงเป็นคนอื่นนานๆ เราจะเหนื่อย และลูกค้าก็จะรู้สึกได้ว่าเราไม่จริงใจ
เริ่มต้นจากการกำหนดบุคลิกแบรนด์ที่ชัดเจน แล้วนำไปใช้อย่างสม่ำเสมอในทุกการสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็น โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ หรือ การให้บริการลูกค้า จำไว้ว่า ลูกค้าจะจำแบรนด์ที่มีบุคลิกเด่นชัดกว่าแบรนด์ที่ไม่มีอะไรพิเศษครับ และเมื่อลูกค้าจำเราได้ พวกเขาก็จะกลับมาซื้อซ้ำ และแนะนำต่อให้เพื่อนๆ ด้วย ลองเริ่มวางแผนคาแรกเตอร์แบรนด์ของตัเองดูครับ รับรองว่าธุรกิจจะเติบโตไปในทิศทางที่ดีแน่นนอน!
แต่ถ้าหากอยากฟีเจอร์ระบบหลังบ้านกว่า 100 ฟีเจอร์ ที่สามารถช่วยในการขายของออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งมีบริการขนส่งในราคาพิเศษ ถูกกว่าไปส่งเองที่หน้าร้าน และยังสามารถเรียกรถเข้ารับฟรีได้ถึงหน้าบ้าน ต้องมาใช้งานระบบ iShip แถมระบบยังใช้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายรายเดือน! สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line: @iShip หรือ เพจ Facebook IShip ระบบจัดการรวมขนส่งออนไลน์ ได้ทุกวันตั้งแต่ 08.00 – 22.00 น. ครับผม